ดังที่ทราบกันแล้วว่า “วันเสาร์ที่สอง” ของเดือนมกราคมของทุกๆปี จะเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” ของประเทศไทยเรา…ดังนั้นสำหรับปี 2566 ที่กำลังจะเวียนมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ “วันเด็กแห่งชาติ” จึงตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม
เป็นอันว่าชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า ท่านนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ท่านจะขออยู่ต่อ จึงต้องสู้ต่อ โดยจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามของพรรคใหม่เอี่ยมอ่อง “รวมไทยสร้างชาติ” หรือ รทสช. มิใช่ “พลังประชารัฐ” หรือ พปชร.ดังเดิม
สัปดาห์ที่แล้วผมนั่งลุ้นการเลือกตั้งที่มาเลเซียอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นแฟนคลับหรือ FC ของอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม มาแต่ไหนแต่ไร…
ก็เป็นอันว่า “เลขที่ออก” คือ 6-3 หมายถึงว่า เสียงของศาลรัฐธรรมนูญข้างมาก 6 เสียง ในจำนวน 9 เสียง ได้วินิจฉัยให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
วันนี้ (30 กันยายน 2565) เป็นวันส่งท้ายปีเก่าของปีงบประมาณ 2565 ครับ และพรุ่งนี้ (1 ตุลาคม 2565) จะเป็นวันขึ้นปีงบประมาณใหม่ 2566…เร็วกว่าวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามประเพณีนิยมทั่วโลก 3 เดือนเต็มๆ
เป็นธรรมดาของคนดังระดับ “บิ๊กป้อม” รองนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่เคยโชว์ฟอร์มเอาไว้อย่างหนึ่ง และเป็นฟอร์มที่ไม่ค่อยประทับใจคนไทยเท่าไหร่นัก
สัปดาห์ที่ผ่านมี “วลี” หรือคำพูดจาทางการเมืองอยู่วลีหนึ่งที่แหลมคมมาก ควรแก่การบันทึกไว้อย่างเป็นเรื่องราว เพื่อให้อนุชน รุ่นหลังที่เข้ามาค้นหาเหตุการณ์ในอดีตจากคอลัมน์นี้ได้รับทราบไว้
ผมเรียนท่านผู้อ่านแล้วว่าวันประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีบิ๊กตู่ ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น จะเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก
ในท่ามกลางข่าวใหญ่เรื่องศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีตัวจริงหยุดการทำงานในระหว่างพิจารณาคดี “8 ปี” นั้นเอง ก็มีข่าวการเมือง “เล็กๆ” โผล่ออกมาแซมอยู่ 2–3 ข่าว รวมทั้งข่าวว่าด้วยการกลับมาของ “2 กุมาร” จากทีม “4 กุมาร” ที่ผมจะเขียนถึงในวันนี้
เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “นิด้าโพล” ศูนย์สำรวจความคิดเห็นของนิด้า หรือสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ ได้เผยแพร่ผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสครั้งที่ 2 ปี 2565 กลายเป็นข่าวใหญ่อยู่หลายวัน