“บิ๊กตู่” ประกาศ “สู้ต่อ” คง “ไม่ง่าย” อย่างที่คิด

เป็นอันว่าชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า ท่านนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ท่านจะขออยู่ต่อ จึงต้องสู้ต่อ โดยจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามของพรรคใหม่เอี่ยมอ่อง “รวมไทยสร้างชาติ” หรือ รทสช. มิใช่ “พลังประชารัฐ” หรือ พปชร.ดังเดิม

ท่านให้เหตุผลในความประสงค์ที่จะ “อยู่ต่อ” ว่าเพื่อ “สานต่อ” งานต่างๆ ที่ลงหลักปักฐานเอาไว้จำนวนมากให้เดินหน้าต่อไป

ส่วนในการที่จะย้ายสังกัดใหม่…ท่านบอกว่า เพราะสังกัดเดิมเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตไปแล้วนี่…ท่านจึงตัดสินใจมาอยู่กับ รทสช. เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน ท่านก็ย้ำอย่างหนักแน่นว่า ทั้งหลายทั้งปวงข้างต้นนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนชาวไทยนั่นเอง…ว่าจะให้โอกาสท่านหรือไม่ให้โอกาสท่าน? ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้น

ผมนั่งฟังท่านให้สัมภาษณ์ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ในแง่ “เห็นด้วย” ผมยอมรับว่า ท่านและรัฐบาลชุดต่างๆ ของท่านมีผลงานเยอะพอสมควร…สร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติพอสมควรและแม้ประเทศชาติจะโชคร้ายต้องเจอกับโรคระบาดโควิด-19 ตลอดจนผลกระทบด้านเศรษฐกิจตกต่ำหนักมากทั่วโลก อันเนื่องมาจากปัญหาโรคระบาดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ท่านและทีมงานร่วมรัฐบาลก็ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ได้ดีพอสมควร

ในทัศนะของผม…ผมถือว่าท่านสอบผ่านว่างั้นเถอะ

แต่ที่ผม “ไม่เห็นด้วย” เพราะผมอยากให้ท่านก้าวลงจากเวทีเพียงแค่จบอายุของรัฐบาลชุดนี้…ซึ่งความจริงก็เหลือไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง จะครบ 4 ปีตามกฎกติกาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ผมมองว่าการอยู่ในตำแหน่งจริงๆ “8 ปี” น่าจะพอเพียงแล้วสำหรับบุคคลคนหนึ่งที่จะขึ้นมารับใช้ชาติในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หากอยู่ต่ออีก 2 ปีตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความไว้แล้ว จะทำให้กลายเป็น 10 ปีในการบริหารงานจริง…ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรบางอย่าง เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในสมัยที่ 2 ที่อยู่นานมากถึง 9 ปีกับ 16 วัน ก่อนจบลงด้วยการทำรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์…ซึ่งเมื่อมองย้อนไป เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ เริ่มเกิดสะสมมาเรื่อย หลังเป็นครบ 7 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 นั่นเอง

จอมพลถนอม กิตติขจร เข้ามาเป็นนายกฯ สมัย 2 อีกรอบ หลังสิ้นจอมพลสฤษดิ์ ปรากฏว่าเป็นทั้งจากการเลือกตั้ง จากการปฏิวัติตัวเอง และเลือกตั้งครั้งหลังสุด รวมแล้วตกประมาณ 9 ปีกับ 1 หรือ 2 วันเศษๆ ซึ่งในที่สุดก็จบลงด้วยเหตุการณ์ “วันวิปโยค” 14 ตุลาคม 2516

ตรงข้ามกับ “ป๋าเปรม” ซึ่งพอใกล้ครบ 8 ปี ท่านก็เริ่มส่งสัญญาณว่า “พอแล้ว” และในที่สุดก็พอจริงๆ เมื่อเป็นได้ครบ 8 ปีกับ 154 วัน…จึงลงจากหลังเสือได้อย่างงามสง่า

แม้ในทางวิชาสถิติตัวอย่างที่อยู่เกิน 8 ปีแล้ว มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจะมีแค่ 2 ครั้ง ไม่น่าจะนำมาอ้างอิงได้

แต่ก็นั่นแหละเมื่อมันมีตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว…ถ้าจะหลบเลี่ยงได้ก็ควรหลบเลี่ยง เพราะการเมืองแบบไทยๆของเรานั้นมักชอบเกิดเหตุการณ์ประเภทประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอยู่เสมอๆ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากให้ “บิ๊กตู่” เดินหน้าต่อก็สืบเนื่องมาจากระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือเลือกตั้งแบบไทยๆ นี่แหละครับ ที่ไม่ค่อยเหมือนใครและไม่ค่อยมีใครเหมือน

บิ๊กตู่อาจจะมองว่า การทำงานและการมีผลงานของท่านอาจจะชนะใจประชาชน ช่วยให้ ส.ส.ในสังกัดพรรคที่ท่านเป็นแคนดิเดตได้รับการเลือกตั้งเยอะ

แต่อย่าลืมว่า ในการเลือกตั้งที่ยังต้องใช้ “กระสุน” หรือ “เงิน” ก้อนใหญ่ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ มักจะทำให้ผลการเลือกตั้งพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา

พรรคสนับสนุนบิ๊กตู่อาจไม่ได้จำนวน ส.ส.พอที่จะเสนอชื่อท่าน ก็เป็นได้…ซึ่งก็หมายความว่า ท่านจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วย

แทนที่จะได้ลงจากเวทีอย่างสง่างาม ก็จะกลายเป็นว่าลงเวทีอย่างนายกฯ สอบตกไปเสียเท่านั้น

ครับ! ทั้งหมดนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว…แต่เมื่อบิ๊กตู่ท่านตัดสินใจของท่านแล้ว ก็คงต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน

ประสากองเชียร์ที่เอาใจช่วยบิ๊กตู่มาตลอด แม้จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านครั้งนี้…ก็คงทำได้เพียงกล่าวคำว่า “โชคดีเถอะลุง” เท่านั้นเอง.

“ซูม”

ข่าว, นายกรัฐมนตรี, เลือกตั้ง, อยู่ต่อ, การเมือง, พรรคการเมือง, ซูมซอกแซก