ก็เป็นอันว่า “เลขที่ออก” คือ 6-3 หมายถึงว่า เสียงของศาลรัฐธรรมนูญข้างมาก 6 เสียง ในจำนวน 9 เสียง ได้วินิจฉัยให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
เหตุผลของเสียงส่วนใหญ่ทั้ง 6 ท่าน ก็คือในการนับวาระการเข้าสู่ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ประกาศบังคับใช้ ซึ่งก็คือวันที่ 6 เมษายน 2560
แปลว่าท่านจะครบ 8 ปี ในวันที่ 5 เมษายน 2568 โน่นเลย
หลังจากศาลแถลงคำวินิจฉัยจบแล้ว ก็มีข่าวว่าบิ๊กตู่ซึ่งยืนยันในการให้ความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลมาตลอด ไม่ว่าจะออกมาในลักษณะใดก็ตาม…ได้แถลงผ่านผู้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในประเด็นเดียวกันนี้
พร้อมกับถือโอกาสขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนสำหรับกำลังใจและความปรารถนาดีที่มอบให้แก่ท่านมาโดยตลอด
รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ ที่ได้ริเริ่มไว้ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมาย
ในขณะที่ฝ่ายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพลเอกประยุทธ์ ต่างก็ออกมาแถลงถึงความไม่พอใจในหลายแห่งหลายที่ และนัดไปรวมตัว (ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้) กันที่ลานสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน
ต่อมาก็มีข่าวว่า มีการนัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อแสดงความไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล พร้อมกับยืนยันว่าทางเดียวของการเปลี่ยนประเทศก็คือลงสู่ท้องถนน
กว่าต้นฉบับของผมจะได้ลงตีพิมพ์ก็โน่น…วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม…หากเหตุการณ์ใดจะเกิดก็คงเกิดไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ผมก็ยังหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น…หรือหากจะเกิดขึ้นบ้างก็ขอให้จบลงด้วยดี อย่าได้มีอะไรบานปลายออกไปเลย
อยากจะขอร้องให้ทุกๆ ฝ่ายใจเย็นเข้าไว้ และยอมรับกฎกติกาของบ้านเมือง ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า แม้อายุความการเป็นนายกรัฐมนตรีของบิ๊กตู่จะอยู่อีกหลายปี แต่อย่าลืมว่าที่จะต้องสิ้นสุดก่อนอะไรทั้งหมดก็คืออายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ซึ่งส่งผลมาถึงรัฐบาลชุดนี้
อย่างไรเสีย ไม่เกินเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนปีหน้า ก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่…ใครที่ไม่ชอบบิ๊กตู่ ไม่อยากได้ท่านกลับมาอีกก็ไปแสดงความ “ไม่ต้องการ” อย่างพร้อมเพรียงในตอนนั้น
หากมีพรรคไหนเสนอชื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี เราก็ไม่เลือกพรรคนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป…เพียงเท่านี้ก็จะสกัดบิ๊กตู่ได้สำเร็จ
เรามีกฎมีกติกาอยู่แล้ว ก็อยากจะให้เป็นไปตามกฎกติกาที่เราใช้กันอยู่และผ่านประชามติมาแล้วครับ
หากเราทุกๆ ฝ่ายเดินไปอย่างนี้ บ้านเมืองเราก็สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ โดยมีกรอบของประชาธิปไตยเป็นคู่มือในการเดินทาง
อย่างที่ผมแสดงความห่วงใยมาตลอดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก ที่มีผลกระทบมาถึงประเทศไทยเราด้วยนั้น ยังน่าเป็นห่วงมากๆ
แม้ฝ่ายที่ดูแลเศรษฐกิจไทยหลายๆหน่วย ท่านจะพยายามมองในแง่ดีมองเห็นแสงสว่างโน่นนี่อยู่พอสมควร ดังที่เป็นข่าวปลอบใจอยู่เสมอ
แต่ผมก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี เพราะดูว่าสหรัฐฯ ก็ยังเอาเงินเฟ้อไม่อยู่…ยุโรปก็ยังเอาไม่อยู่…แถมสงครามรัสเซีย-ยูเครน และประเทศตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ
ถ้าบ้านเราพลอยมีปัญหาวุ่นวายไปด้วยจะมีสติปัญญาที่ไหนเหลือพอที่จะมาแก้ไขหรือต่อสู้กับปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ และเราก็จะต้องเผชิญเช่นกันได้ละครับ
ผมเห็นว่าเราควรเตรียมตัวเตรียมใจที่จะร่วมกันเผชิญปัญหาหนักๆ เหล่านี้จะดีกว่า
ส่วนบิ๊กตู่นั้น ผมเชื่อว่าเพียงเท่านี้ท่านก็คงถอดใจแล้วละ…หรือถ้าหากไม่ถอดใจจะกลับมาเป็นนายกฯอีก ก็อย่างที่ผมเสนอไว้นั่นแหละ ไม่เลือกพรรคที่เสนอชื่อท่าน…ท่านจะกลับมาได้อย่างไร?
“ซูม”