จดหมายเหตุ “30 ก.ย.65” จาก “วันเกษียณ” สู่ “วันระทึก”

วันนี้ (30 กันยายน 2565) เป็นวันส่งท้ายปีเก่าของปีงบประมาณ 2565 ครับ และพรุ่งนี้ (1 ตุลาคม 2565) จะเป็นวันขึ้นปีงบประมาณใหม่ 2566…เร็วกว่าวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามประเพณีนิยมทั่วโลก 3 เดือนเต็มๆ

นอกจากจะเป็นวันสิ้นปีงบประมาณแล้ว วันที่ 30 กันยายนของทุกๆ ปี ยังเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ของข้าราชการไทยที่มีอายุครบ 60 ปี ซึ่งจะต้องเกษียณอายุ จากการเป็นข้าราชการประจำไปเป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับเงินเดือนน้อยลงหน่อย แต่ไม่ต้องทำงานอะไรทั้งสิ้น

สบายๆ ไปตลอดชีวิต เพราะมีระบบราชการคอยดูแล ทั้งเงินเดือน และค่ารักษาพยาบาล

สำหรับข้าราชการทั่วๆ ไปที่ไม่มีอำนาจ วาสนาอะไรมากนัก, ไม่มียศสูง, ไม่มีตำแหน่งสูง, ไม่ได้คุมกำลัง, ไม่ได้อยู่โรงพักอุดมสมบูรณ์, ไม่มีอำนาจอนุมัติ หรือออกใบอนุญาตสำหรับเรื่องสำคัญ, จะไม่รู้สึกอะไรมากนักเมื่อวันนี้มาถึง

กลับมองว่าดีเสียอีก จะได้ออกไปพักผ่อนเต็มตัว สามารถใช้ชีวิตได้อย่างชิลๆ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบ หรือในวินัยต่างๆ ที่ระบบราชการสร้างขึ้นอีกต่อไป

แต่สำหรับข้าราชการที่เคยมีอำนาจวาสนา หรือมีอะไรบางสิ่งบางอย่างในหลายๆ อย่างที่ผมเขียนไว้ในย่อหน้าที่แล้ว อาจจะรู้สึกใจหายและเสียดายอยู่บ้าง

มักจะมีเรื่องเล่าอยู่บ่อยๆ ว่าข้าราชการที่เคยมีวาสนาบารมี ที่ว่านี้มักจะรู้สึกเหงา ว้าเหว่ ไปจนถึงขั้นคิดมาก และถ้าไม่ระวังตัวให้ดีๆ อาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ที่จู่ๆ ชีวิตที่เคยมีอำนาจเหนือคนอื่น สามารถสั่งคนโน้นคนนี้ได้ กลับเปลี่ยนมาสั่งใครไม่ได้เลย

เพื่อความไม่ประมาท ข้าราชการที่เคยมียศ มีวาสนา โปรดเตรียมตัวเตรียมใจ และทำใจล่วงหน้าเอาไว้ด้วยก็แล้วกัน

สำหรับวันที่ 30 กันยายนปีนี้ นอกจากจะเป็นวันเกษียณอายุข้าราชการทั่วๆ ไป อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว…ยังเป็นวันเกษียณอายุ หรือการหยุดทำงานของ “หน่วยราชการ” เฉพาะกิจหน่วยหนึ่ง ที่มีบทบาทอย่างมาก ในการช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศไทย

ได้แก่ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เราเรียกกันย่อๆ ว่า “ศบค.” นั่นแหละครับ

ต้องยอมรับว่าในการทำสงครามกับโรคระบาดโควิด-19 อันน่าสะพรึงกลัว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ศบค.ได้ทำหน้าที่อย่างทุ่มเทและน่ายกย่องในฐานะกองบัญชาการการสู้รบกับโควิด-19 จนประเทศเราสามารถผ่านวิกฤติอันใหญ่หลวงนี้มาได้ด้วยความเสียหายที่ไม่ถือว่ามากเกินไป

เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก ว่าการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ประเทศไทยเราดำเนินการได้ดีเยี่ยมในระดับต้นๆ ของโลก

ผมไม่มีเนื้อที่พอสำหรับการลงชื่อ ลงตำแหน่ง หรือลงโครงสร้าง ศบค.ได้ทั้งหมด แต่ก็คิดว่าท่านผู้อ่านคงจะรับรู้เรื่องราวและจดจำหน้าตาและบทบาทของทุกคนใน ศบค.ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ ศบค.

ก็มาถึงเรื่องสำคัญที่จะเกิดขึ้นอีกเรื่องหนึ่งในวันที่ 30 กันยายนปีนี้…ได้แก่ การนัดแถลงผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “ครบ 8 ปีแล้ว” ตามที่มีการยื่นให้วินิจฉัยหรือไม่

หากศาลวินิจฉัยว่ายังไม่ครบ 8 ปี บิ๊กตู่ก็รอดตัวไป ได้กลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ไปจนกว่าจะครบเทอม…แต่ถ้าวินิจฉัยว่าครบแล้ว ก็เป็นอันว่าท่านไปต่อไม่ได้…สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงเท่านี้

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข่าวเกษียณอายุใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลายเป็นเรื่องลุ้นระทึกที่ทำให้วันเกษียณอายุราชการกลายเป็นวันแห่งการเผชิญหน้าทางการเมืองไปโดยไม่คาดฝัน…เพราะมีทั้งฝ่ายที่อยากให้บิ๊กตู่ “สอบผ่าน” และ “สอบตก”

ผมก็ขอฝากไว้แต่เพียงว่า ขอให้ทุกๆ ฝ่ายเคารพกติกา เคารพศาลนะครับ ท่านวินิจฉัยชี้ขาดอย่างไรก็ขอให้น้อมรับคำวินิจฉัยของท่าน…มิใช่ว่าถูกใจค่อยรับ…ไม่ถูกใจเตรียมประท้วง…แบบนั้น คงไม่ถูกต้องแน่นอน และไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายเรียกร้องอย่างแน่นอน

อย่างที่เรียนตอนต้นนั่นแหละ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แม้จะเป็นปีงบประมาณก็ถือเป็นปีเหมือนกันละน่า

วันส่งท้ายปีอย่างนี้ควรจะเป็นวันมงคล ขอให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างเป็นมงคลนะครับ…ข้าราชการที่เกษียณอายุในวันนี้จะได้เกษียณไปอยู่บ้านด้วยความสบายใจ.

“ซูม”

ข่าว,​ เกษียณ, ราชการ, 8 ปี, นายกรัฐมนตรี, การเมือง, อยู่ต่อ, ซูมซอกแซก