จาก “วลีเด็ด” ถึง “เมนูดัง” บันทึก “กันลืม” สัปดาห์นี้

สัปดาห์ที่ผ่านมี “วลี” หรือคำพูดจาทางการเมืองอยู่วลีหนึ่งที่แหลมคมมาก ควรแก่การบันทึกไว้อย่างเป็นเรื่องราว เพื่อให้อนุชน รุ่นหลังที่เข้ามาค้นหาเหตุการณ์ในอดีตจากคอลัมน์นี้ได้รับทราบไว้

ขณะเดียวกันก็มี “เมนู” อาหารเมนูหนึ่งที่เป็นเมนูพื้นบ้านแท้ๆ แต่ได้กลายมาเป็นเมนูหลักของอาหารกลางวันที่กระทรวงกลาโหมสมควรแก่การบันทึกไว้เช่นกัน

เรามาเริ่มกันที่ “วลี” ก่อนครับ…ได้แก่วลี “ใจบันดาลแรง” ที่เอ่ยตอบนักข่าวโดยท่านนายกฯ รักษาการ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นเอง

เรื่องของเรื่องเป็นเพราะในช่วงหลายๆ ปี ก่อนหน้านี้ ใครที่ดูข่าวทางโทรทัศน์จะคุ้นตาอยู่กับภาพท่านรองนายกรัฐมนตรีหมายเลขหนึ่ง “บิ๊กป้อม” ก้าวเท้าลงจากรถประจำตำแหน่งอย่างลำบากยากเย็น

จะต้องมีนายทหารคนสนิทประจำตัวเข้าไปประคองและไม่เพียงแต่ประคองขณะก้าวออกจากรถเท่านั้น ยังประคองเดินไปตลอดจนกว่าท่านจะถึงห้องประชุมหรือห้องทำงานที่ทำเนียบ

แต่หลังจากขึ้นมารักษาราชการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนบิ๊กตู่ งวดนี้บิ๊กป้อมไม่มีอาการเช่นว่านั้นเลย

กลับกลายเป็นบุคคลที่กระฉับกระเฉงเกินวัย เดินเหินคล่องแคล่วไปหมด เมื่อนักข่าวถามว่าเหตุใดจึงกลายเป็นคนละคนเช่นนี้ ท่านก็ตอบว่า เป็นเพราะ “ใจบันดาลแรง”

แปลความได้ว่าที่ท่านกลับมาแข็งแรงกระฉับกระเฉงครั้งนี้ก็เพราะ “ใจบันดาล” โดยแท้ เรี่ยวแรงจึงหวนกลับมาเหมือนคนหนุ่มๆ อีกครั้ง

ทำให้นึกถึงภาษิต “กระบี่อยู่ที่ใจ” ของ โกวเล้ง ที่ชี้ให้เห็นว่า “ใจ” คือทุกสิ่งทุกอย่างของจอมยุทธ เพราะด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งแม้กิ่งไม้ก็เป็นอาวุธได้ ท่อนไม้ที่อยู่ข้างทางก็แหลมคมใช้แทนกระบี่ได้

บิ๊กป้อมก็เช่นเดียวกัน แม้อายุจะมากและเคยเดินซวดเซ แต่เมื่อใจกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง เรี่ยวแรงต่างๆ ก็หวนกลับคืน

คำถามก็คงมีเพียงว่า หัวใจบันดาลแรงได้น่ะถูกต้องแล้ว แต่พลังอะไรล่ะที่มาบันดาลให้หัวใจกระชุ่มกระชวย จนถึงขั้นไปบันดาลให้มีเรี่ยวแรงอีกหน

คงต้องฝากนักข่าวไปถามบิ๊กป้อมอีกรอบละครับ

ทีนี้ก็มาถึง “เมนู” อาหารพื้นๆ อย่าง “ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว” ที่กลายเป็นเมนูระดับชาติขึ้นมาในบัดดล หลังจาก “บิ๊กตู่” ซึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมได้เชิญ “บิ๊กป๊อก” พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทยและ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ไปรับประทานอาหารกลางวันที่กระทรวงกลาโหม

แม้ภาพที่เผยแพร่ออกมาจะเป็นการนั่งคุยกันทั้ง 3 ท่านที่โต๊ะทำงาน รัฐมนตรีกลาโหมมิใช่จากโต๊ะอาหาร แต่จากการให้สัมภาษณ์ยืนยันของรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ระบุว่ามารับประทานข้าวกลางวันกันจริงๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ท่านรัฐมนตรีสาธารณสุขพาหมอผิวหนังมาดูแลผิวหนังให้ พลเอกประยุทธ์ตามที่นัดไว้ เมื่อหมอดูแลรักษาให้ยาเสร็จกลับไปท่านก็อยู่รับประทานเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง

อาหารมื้อนี้จะมีนัยอะไรทางการเมืองหรือไม่ ก็ปล่อยให้ฝ่ายข่าวการเมืองและนักวิเคราะห์การเมืองเขาวิเคราะห์กันไปก็แล้วกัน

เรามีหน้าที่บันทึกเมนู “กะเพราไก่ไข่ดาว” ก็ขออนุญาตบันทึกไว้ ด้วยความภาคภูมิใจที่เมนูอาหารไทยซึ่งครั้งหนึ่งถือกันว่าเป็น “เมนูสิ้นคิด” เพราะคิดอะไรไม่ออกก็สั่ง “ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว” ไว้ก่อน เมื่อเข้าไปในร้านอาหารตามสั่ง

แต่นาทีนี้ “ไก่กะเพราไข่ดาว” เป็นเมนูขึ้นโต๊ะ “รัฐมนตรีกลาโหม” เรียบร้อย มิใช่เมนูสิ้นคิดตามคำกล่าวหาเดิมๆ อีกต่อไป

ประเด็นเดียวที่ต้องเตือนไว้ (หมอหนูอาจจะรู้แล้วก็ได้) ก็คือเฉลี่ยแล้ว “ข้าวไก่กะเพราไข่ดาว” แต่ละจานจะมีแคลอรีถึง 650 แคลอรี หากไม่เผาผลาญบ้างจะทำให้อ้วนและน้ำหนักขึ้นไม่มากก็น้อย

ในเว็บไซต์ “Fit.D.com” ระบุไว้ว่าวิธีผลาญแคลอรี 650 แคลอรี ให้หมดเกลี้ยง มี 4 วิธี ได้แก่ 1.เดิน 232 นาที 2.ปั่นจักรยาน 135 นาที 3.วิ่ง 102 นาที และ 4.ว่ายน้ำ 72 นาที

ไม่ทราบว่า ทั้ง 3 รัฐมนตรีได้เผาผลาญแคลอรีด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ใน 4 วิธีข้างต้นนี้หรือไม่? อย่างไร?

เป็นห่วงน้ำหนักจะขึ้นน่ะครับ…ไม่มีนัยทางการเมืองอะไรหรอกจ้า!

“ซูม”

ข่าว, นายกรัฐมนตรี, รักษาการ, กะเพราไก่ไข่ดาว, เมนูสิ้นคิด, ซูมซอกแซก