สัปดาห์ที่แล้วผมนั่งลุ้นการเลือกตั้งที่มาเลเซียอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นแฟนคลับหรือ FC ของอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม มาแต่ไหนแต่ไร…
ได้ข่าวว่ากลุ่มของท่านได้คะแนนนำมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ผมก็เลยลุ้นเต็มที่ ขอให้ท่านได้ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของดินแดนเสือเหลืองสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ปรากฏว่าไม่มีพรรคหรือกลุ่มไหนยอมมาร่วมกับท่าน ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน
มีข่าวว่าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทรงเรียกหัวหน้ากลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าเฝ้าเพื่อหารือแก้ปัญหา แต่ก็ไม่สำเร็จ จนในที่สุดพระองค์ต้องใช้พระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญตัดสินพระทัยตั้งนายอันวาร์ อิบราฮิม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ผลที่ตามมาก็คือพรรคและกลุ่มหลายกลุ่มที่ตอนแรกไม่ยอมสนับสนุนท่านนั้น ได้ตัดสินใจเข้ามาสนับสนุน ทำให้มีที่นั่งในสภาต่างๆ รวม 148 เสียง เกินขั้นต่ำ 112 เสียงไปพอสมควร
นำความปีติยินดีอย่างยิ่งมาสู่ตัวผมซึ่งประกาศว่าเป็นแฟนคลับของท่านมาตั้งแต่ พ.ศ.2536 ช่วงที่ท่านขึ้นรับตำแหน่งในฐานะรองนายก รัฐมนตรีหนุ่มฟ้อของนายกฯ มหาธีร์ โมฮัมหมัด หมาดๆ
สื่อต่างประเทศในยุคโน้นบรรยายสรรพคุณของท่านว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากของมาเลเซีย และได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากนายกฯ มหาธีร์ถึงขั้นเอ่ยวาจาอยู่เสมอๆ ว่าพ่อหนุ่มคนนี้แหละจะมาแทนผม
ต่อมาวันหนึ่งผมมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ของบ้านเราท่านหนึ่งที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย…ทำให้ทราบว่าท่านรองนายกฯ อันวาร์สนิทสนมกับศิษย์เก่าของโรงเรียนวชิราวุธอย่างมาก
เหตุเพราะโรงเรียนวชิราวุธนั้นมีประเพณีการแข่งขันกีฬากับโรงเรียนชื่อดังอันดับ 1 ของมาเลเซีย ที่รู้จักในนาม Malay College มีการยกทีม “รักบี้” ไปแข่งกันอยู่เสมอ
ท่านรองฯ อันวาร์จะเป็นนักรักบี้ด้วยหรือไม่ ผู้ใหญ่ที่ผมพูดคุยไม่ได้บอกไว้…บอกแต่ว่าท่านเป็นศิษย์เก่าของมาเลย์คอลเลจที่สนิทกับศิษย์เก่าวชิราวุธมาก…จะมาไทยทุกครั้งในยุคโน้นที่วชิราวุธเป็นเจ้าภาพและเช่นเดียวกันเมื่อวชิราวุธไปที่โน่นท่านก็จะมาต้อนรับด้วยตนเอง
ทำให้ผมตัดสินใจเป็นแฟนคลับท่านไปด้วยและแอบเอาใจช่วยท่านตั้งแต่บัดนั้น…ขอให้ท่านได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในวันใดวันหนึ่งด้วยเถิด
ก็อย่างที่ท่านผู้อ่านทราบกันดีแหละครับว่าปัญหาชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ของเรานับวันจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ…ไม่รู้จะจบอย่างไร
ผมก็คิดอย่างตื้นๆ ของผมว่า หากมาเลเซียมีรัฐบาลที่เข้าใจคนไทย รู้ซึ้งถึงอุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนไทย อาจจะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาได้ดีกว่ารัฐบาลที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจเรา
ครับ!! บอกแล้วว่าผมคิดอย่างตื้นๆ แบบนี้ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเลยในการตัดสินใจเป็น FC ท่านมาตั้งแต่นั้น
ซึ่งก็ทำให้ผมประจักษ์ในคำกล่าวที่ว่าการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือการขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โต ไม่ว่าของชาติใด ประเทศใด ย่อมขึ้นกับ “วาสนา” ของท่านผู้นั้นเป็นสำคัญ
ยามบุญมาวาสนาส่งอยู่ดีๆ ก็ได้เป็น แต่ถ้าไม่มีวาสนา–ขนาดขึ้นไปจ่อแล้วก็ยังไม่ได้เป็น จนแล้วจนรอด
ชีวิตของท่านอันวาร์ต้องผันผวนไปติดคุกติดตะรางด้วยข้อหาต่างๆ อยู่หลายๆ ปี และต้องกลับมาพิสูจน์ความจริงต่างๆ อยู่หลายปี เพิ่งจะมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
จากรองนายกฯอายุ 40 กว่าๆ กลายเป็นนายกฯ อายุ 75 ใช้เวลาเดินทางถึงเกือบ 30 ปี กว่า “วาสนา” จะเป็นของท่าน
ก็ขอภาวนาให้ได้อยู่นานๆ เป็นนานๆ ก่อเกิดผลงานต่างๆ สมกับที่แฟนคลับอย่างผมแอบเชียร์อยู่นะครับ
เป็นห่วงจริงๆ เพราะกว่าจะได้เป็นก็เหนื่อย…เป็นแล้วก็คงเหนื่อยอีก ทั้งปัญหาการเมืองที่ยังอ่อนแอ และปัญหาเศรษฐกิจที่หนักอึ้ง
จะกลายเป็น “วาสนาในคราเคราะห์” แบบสำนวนกำลังภายใน หรือเปล่าก็ไม่รู้ซีครับ ท่านอันวาร์ อิบราฮิม ของผม.
“ซูม”