สงคราม “โควิด” ยังไม่จบ เสียดาย! ถ้าจะยุบ “ศบค.”
เมื่อบ่ายๆ วันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวออนไลน์หลายสำนักรายงานข่าวว่า “บิ๊กตู่” จะเรียกประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 10 กันยายนที่จะถึงนี้
เมื่อบ่ายๆ วันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวออนไลน์หลายสำนักรายงานข่าวว่า “บิ๊กตู่” จะเรียกประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 10 กันยายนที่จะถึงนี้
ในที่สุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของพรรคฝ่ายค้านก็จบลงด้วยชัยชนะที่ยังเป็นของรัฐมนตรีทุกๆคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย
เดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมเดินหน้าเปิดเมือง ตั้งเป้าเป็นศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าปลอด โควิด-19 ยกระดับมาตราการความปลอดภัยขั้นสูงสุด 7 มาตรการ ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และคณะกรรมการกลุ่มการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย
ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายอนุญาตให้เปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม ตามความพร้อมและความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดนั้น
ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จับมือร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์การค้า จัดทำ Big Cleaning ครั้งใหญ่ พร้อมเตรียมมาตรการความปลอดภัยต่างๆ รับมติคณะกรรมการบริหารการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
เป็นอันว่าตั้งแต่วันพุธที่ 1 กันยายน หรืออีกเพียง 2 วันนับจากวันนี้ ศบค.ท่านจะผ่อนคลาย “กฎเข้ม” ของการ “ล็อกดาวน์” ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงรวมทั้ง กทม.และปริมณฑลลงมาเปลาะหนึ่ง
เมื่อวานนี้ผมอ่านข้อความในโฆษณาของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ที่นำมาลงไว้ในหน้า 9 ไทยรัฐ แล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้น 2 อย่าง…คือ ทั้ง “ดีใจ” และแอบห่วง “กังวล” อยู่ลึกๆ ในใจ
ขณะผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ในช่วงบ่ายๆ ของวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 นั้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรอบเช้าประจำวันพาดหัวข่าวว่า ยอดป่วยโควิด-19 สะสมของประเทศไทยเราทะลุ 1 ล้านอย่างเป็นทางการวันแรกแล้ว
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 ได้เวลาวันเบาๆ “เสาร์สารพัน” กลับมาชวนท่านผู้อ่านหาความสุขอยู่กับบ้านเท่าที่จะหากันได้ ตามนโยบายสู้โควิด–19 “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย…ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร เพราะยังหนักหน่วง ทั้งทั่วโลกและในไทยแลนด์ของเรา ณ บัดนาว
ดูเหมือนผมจะเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้บ้างแล้วว่า วิกฤติของประเทศเราครั้งนี้ เป็นวิกฤติที่ใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมา 80 ฤดูพอดิบพอดีอย่างผมจะเคยพานพบ