ทั้ง “ดีใจ” และ “ห่วงใย” เมื่อไทยจะเป็น “ดิจิทัล” ฮับ

เมื่อวานนี้ผมอ่านข้อความในโฆษณาของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ที่นำมาลงไว้ในหน้า 9 ไทยรัฐ แล้วก็เกิดความรู้สึกขึ้น 2 อย่าง…คือ ทั้ง “ดีใจ” และแอบห่วง “กังวล” อยู่ลึกๆ ในใจ

เริ่มจาก “ดีใจ” ก่อนนะครับ…คุณ อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ท่านกล่าวว่า… “ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ซึ่งหัวเว่ยจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยใน 4 ด้านต่อไป”

“ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี 5 จี, ด้านดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์, ด้านพลังงานดิจิทัล และด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล”

“โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาคนี้ให้จงได้”

จากนั้นท่านก็ร่ายยาวรายละเอียดแยกตามหัวข้อต่างๆ ทั้ง 4 ด้าน ที่ท่านเน้นไว้ซึ่งแม้คนโลว์เทคอย่างผมจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็อดที่จะฝันตามเสียมิได้ โดยเฉพาะในใจความทิ้งท้ายที่คุณ อาเบล กล่าวว่า

“ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นองค์กรด้าน ICT ชั้นนำที่มุ่งผลักดันการเปลี่ยน ผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมไทยมากว่า 22 ปี เราจะมุ่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยต่อไป”

“เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลเชื่อมต่อทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กรเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด และช่วยให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว…หัวเว่ยจะไม่หยุดยั้งในด้านการมุ่งผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน”

ในฐานะคนไทยที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ เปิดใจรับการลงทุนจากทุกประเทศ…ใครมาลงทุนบ้านเรามาช่วยเราพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนา

เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยินดีต้อนรับ ผมอ่านแล้วจึงชอบใจอย่างที่ว่า

เมื่อโควิด-19 ซาลง เราจะต้องเร่งรัดพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน การลงโฆษณาแบบให้คำมั่นสัญญาของบริษัทหัวเว่ยชิ้นนี้ในไทยรัฐ จึงทำให้ผมอ่านแล้วรู้สึกใจชื้น และมองเห็นอนาคตของประเทศรออยู่

แต่ที่เกิดความ “ห่วงกังวล” อยู่ลึกๆ ในใจ…ก็เพราะเท่าที่ติดตามข่าวต่างประเทศมานานตระหนักดีว่า สหรัฐฯ เขาไม่ชอบ “หัวเว่ย”…เริ่มมาตั้งแต่สมัยคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ โน่นแล้ว
สั่งแบนหัวเว่ยในสหรัฐฯ ในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ แถมขอร้องไปที่พันธมิตรให้ร่วมแบนอีกหลายประเทศ

นอกจากกรณีหัวเว่ยแล้ว…ในช่วงหลังๆ เราจะเห็นการขัดแย้งระหว่าง สหรัฐอเมริกากับจีน เริ่มมีมากขึ้น…มีการกล่าวหากันในเรื่องโน้นเรื่องนี้ และดูเหมือนว่า “สงครามเย็น” ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจคู่นี้จะกลับมาอีกครั้ง

ก็ไม่รู้ว่าทางสหรัฐฯ ซึ่งก็กำลังหาเสียงหาพวกหาพ้องในย่านอาเซียนแข่งกับจีนอยู่เช่นกัน จะรู้สึกอย่างไร? เมื่อทราบว่าหัวเว่ยขันอาสาจะมาผลักดันให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับแห่งอาเซียนอย่างที่ว่า

ถ้าถามผม…ผมก็อยากให้สหรัฐฯ มาลงทุนในเมืองไทยเราด้วย จะเอาอะไรมาแข่งกับหัวเว่ยบ้างก็เอาเลย…มาช่วยให้เราเป็นดิจิทัลฮับทั้ง 2 ประเทศ ก็จะขอบคุณมาก

ผมยืนยันได้ว่าไทยเรายินดีเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ยินดีอุดหนุนและรับความช่วยเหลือของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจีนหรือสหรัฐฯ

ดูจากวัคซีนซีครับ…จะเห็นว่าเราก็ซื้อทั้งของจีนของอังกฤษและช่วงหลังๆ ก็ซื้อไฟเซอร์จากอเมริการวดเดียว 30 ล้านโดสโน่นเลย

อาจจะมีคนไทยบางกลุ่มไม่ชอบจีน พยายามด้อยค่าสินค้าจีน เชียร์และชื่นชมสินค้าสหรัฐฯจนออกนอกหน้า

แต่สำหรับคนไทยโดยทั่วไป รวมทั้งรัฐบาลไทยด้วย ผมว่าเราวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด ของใครดีเราก็อุดหนุนไปตามความเป็นจริงที่ถูกต้อง

ก็เห็นจะต้องฝากทางสหรัฐอเมริกาให้เข้าใจคนไทยและประเทศไทยเราด้วย อย่าดึงไทยให้เข้าไปร่วมความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีนก็แล้วกัน

ขณะเดียวกัน ก็ต้องฝากคนไทยบางกลุ่มบางพวกไว้ด้วยเช่นกัน อย่าเล่นการเมืองหรือดำเนินการอื่นใดในทางทำนองชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเลยครับ

การที่ท่าน “อวย” ประเทศหนึ่งมากเกินไป และ “ด้อยค่า” อีกประเทศหนึ่งทุกวิถีทางนั่นแหละจะนำไปสู่การชักศึกเข้าบ้านในอนาคต

บรรพบุรุษของไทยเรายืนอยู่กลางๆมาตลอดและเราก็รอดมาได้ตลอด ใครจะว่าเราเหยียบเรือ 2 แคม หรือ “อ้อลู่ลม” ก็ช่างเขาเถอะ…ในยาม “พายุโลก” โหมกระหน่ำแรงเช่นนี้ขอให้เรารอดได้ก็แล้วกันครับ.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, สหรัฐอเมริกา, จีน, สงครามเย็น,​ หัวเว่ย, ซูมซอกแซก