ดูเหมือนผมจะเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้บ้างแล้วว่า วิกฤติของประเทศเราครั้งนี้ เป็นวิกฤติที่ใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมา 80 ฤดูพอดิบพอดีอย่างผมจะเคยพานพบ
เพราะมาพร้อมๆ กันถึง 4 เรื่อง 4 ปัญหา ล้วนแต่ยิ่งใหญ่และหนักหนาสาหัสทั้งสิ้น
เรื่องโรคระบาดผมเกิดไม่ทันยุคก่อนๆ ที่ร่ำลือว่าระบาดหนัก คนเสียชีวิตมากด้วยโรคห่าหรือโรคอหิวาต์ที่ไม่มีหยูกยารักษา
ดังนั้นการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้คนติดเชื้อวันละ 2 หมื่นกว่าๆ ในขณะนี้ และเสียชีวิตล่าสุดวันละกว่า 200 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 7,552 คน จึงเป็นยอดที่มากที่สุดเท่าที่ผมพานพบ
นอกจากนี้ ผมก็ยังไม่เคยได้เห็นหรือแม้แต่จะได้ยินว่าคนไข้เจ็บป่วยล้นโรงพยาบาล ล้นห้องไอซียู จนถึงขนาดกล่าวขวัญกันว่า ระบบสาธารณสุขของเรากำลังจะล่มสลาย นับแต่ผมจำความได้
ปัญหาที่ 2 คือปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ใหญ่หลวงมากจากการต้องล็อกดาวน์ ต้องปิดประเทศ ทำให้ธุรกิจการค้าด้านต่างๆ หยุดชะงักไปหมด
ผู้คนตกงานมหาศาล ขาดรายได้ ขาดเงินจับจ่ายใช้สอย เดือดร้อนไปครึ่งค่อนประเทศ
ระลอกแรกว่าสาหัสแล้ว แต่ก็ยังมีความหวัง มีสายป่าน มีเงินกู้ยืมที่จะยืมจากอนาคตมาช่วยกระตุ้น ช่วยแก้ไข ช่วยฟื้นฟูได้ในระดับหนึ่ง
แต่พอเจอระลอกสองและระลอกสาม ซึ่งแม้จนบัดนี้ก็ยังไม่หยุด ทำให้ชักเป็นห่วงว่าการกู้เงินในอนาคตมาใช้ จะมีผลกระทบต่อวินัยการคลังหรือไม่? และถ้ายังยาวต่อไปอีกล่ะ ความเสียหายจะมากแค่ไหน เงินเยียวยาหรืออะไรต่างๆ จะพอหรือไม่อย่างไร?
ว่ากันว่านี่คือปัญหาทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเราเจอะเจอมานับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัญหาใหญ่ข้อต่อมาก็คือปัญหาด้านการเมืองนั่นเอง…เหตุเพราะนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ท่านอยู่มานานถึง 7 ปี จนคนไทยจำนวนมากรู้สึกเบื่อท่าน
เท่าที่ผมสังเกต…คนไทยมักจะเบื่อนายกรัฐมนตรีอยู่เสมอ…แค่ 3-4 ปีก็เริ่มเบื่อแล้ว…หลังสุดอยู่ได้ถึง 8 ปีก็คือป๋าเปรม แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะปีหลังๆ ท่านก็โดนเล่นงานจากฝ่ายค้านอยู่ไม่น้อย
ผมคาดว่าป๋าคงคิดรอบคอบแล้วว่าท่านได้ทำในสิ่งที่เป็นรากฐานของประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมครบถ้วนในระดับหนึ่ง…ดังนั้น แม้จะมีโอกาสอยู่ในตำแหน่งได้อีก ท่านก็ตัดสินใจเอ่ยคำว่า ผมพอแล้ว พร้อมกับเดินลงจากเวทีอย่างสง่างาม
ของบิ๊กตู่ความจริงก็สร้างโน่นสร้างนี่ไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะในยุค “4 กุมาร” มีลูกเล่นใหม่ๆทางเศรษฐกิจเยอะ แต่ก็อย่างที่ว่าเมื่อเข้าสู่ระยะ 7 ปี ซึ่งเป็นระยะที่คนเริ่มเบื่อและเผอิญเกิดโรคระบาดใหญ่มาซ้ำเติม
ระลอกแรกเราชนะโควิด-19…ท่านก็พลอยได้เครดิตไปด้วย แม้หลายฝ่ายที่เริ่มเบื่อจะลงมือขับไล่ แต่กระแสที่สามารถเอาชนะโควิด-19 ระลอกแรกอยู่หมัดถึงขนาด WHO ชมเชย ทำให้คะแนนนิยมของท่านยังอยู่ในแถวหน้าเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ
จนกระทั่งมาเจอ “เดลตา” ในระลอกหลังนี่แหละครับ เรียบร้อยเลย กระแสไม่เอาท่านสูงขึ้นทุกวัน
ยังไม่หมดครับ ยังมีอีกปัญหาจะเรียกว่าเป็นปัญหาด้านสังคมวัฒนธรรมหรือจารีตประเพณีก็เห็นจะได้
เมื่อคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งออกมาเสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันอันเป็นที่เคารพรักอย่างยิ่งของสังคมไทยชนิดสร้างความช็อกดังที่เราทราบ
แม้แกนนำจะโดนจับกุมไปหลายคน แต่จากกระแสที่พวกเขาจุดไว้ก็ยังมีผู้ที่หลงเชื่อออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล และอภิปรายรุนแรงข้ามไปถึงสถาบันอย่างหนักหน่วง
เป็นปัญหาที่หนักที่สุดในทัศนะของผมในขณะนี้ และยังมองไม่เห็นว่าทางออกจะเป็นเช่นไร?
เรื่อง โควิด-19 แม้จะหนักแต่อีกพักใหญ่ๆ ได้ฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย…หลายๆ อย่างคงจะดีขึ้นเอง…เรื่อง เศรษฐกิจ ผมก็ยังเชื่อนักเศรษฐศาสตร์รุ่นหลังๆ ที่มีคนเก่งเยอะ คงจะหาทางฟื้นฟูได้สำเร็จ เรื่อง การเมือง ก็สุดแต่บิ๊กตู่จะตัดสินใจ…จะยุบสภา จะลาออก หรือจะทนต่อไปเพราะอีกไม่นานก็จะครบเทอมก็แล้วแต่ท่าน
เรื่องสุดท้าย ซึ่งเป็น ปัญหาด้านสังคมวัฒนธรรม จารีตประเพณี และความเชื่อถือ เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ผมนึกหาทางออกไม่เจอจริงๆ ครับ…จึงได้แต่สวดมนต์ภาวนาอยู่อย่างเดียวในขณะนี้
คนแก่อย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากสวดมนต์.
“ซูม”