ผมเคยกราบเรียนท่านผู้อ่านไว้หลายๆ ครั้งแล้วว่า ผมมีความเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด เอาใจช่วยทุกรัฐบาลทุกพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และได้รับฉันทานุมัติจากรัฐสภาให้มาบริหารบ้านเมือง
ผมเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้หลายครั้งแล้วว่า แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆ เลย แต่ก็แสดงความเห็นคัดค้านได้ไม่เต็มปาก
นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นหนึ่งนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งมาโดยตลอด และยืนยันเสมอต้นเสมอปลายว่าจะแจกแน่นอนหากได้เป็นรัฐบาล
เมื่อวานนี้ผมเขียนขอบคุณและปรบมือให้แก่ 99 นักเศรษฐศาสตร์ที่ลงนามคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัลรายละ 10,000 บาท ของรัฐบาลนี้ โดยเอ่ยถึงชื่อนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญ 3-4 ท่าน ที่เคยมีบทบาทในการพัฒนาชาติบ้านเมืองมาแล้วในอดีต
ผมขอขอบคุณและขอปรบมือให้แก่นักเศรษฐศาสตร์ผู้กล้าหาญที่ตามข่าวบอกว่ารวมแล้ว 99 รายพอดิบพอดีที่ลงชื่อแสดงความคิดเห็นคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแก่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งอีกนโยบายหนึ่งที่เขียนไว้ในคำแถลงนโยบายของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่หลุดออกมาสู่สื่อมวลชนต่างๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนได้แก่ นโยบายผลักดันการสร้างรายได้จากท่องเที่ยวนั่นเอง…
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมเขียนถึงนโยบายของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ในแบบรวมๆ…พร้อมกับยกตัวอย่างนโยบายที่ผมค่อนข้างห่วงใยเอาไว้โครงการหนึ่ง
ผมจะติดตามลูกๆ หลานๆ ไปนอนค้างที่ริมทะเล ฉลองปิดเทอมสัก 4–5 วัน ต้องปั่นต้นฉบับล่วงหน้าแห้งๆ ไว้เช่นเคย
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เสียหลายวัน รวมทั้งวันหยุดชดเชยเมื่อวานนี้ด้วย
เมื่อวานนี้ผมเล่าถึงคำว่า “ประชารัฐ” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แผนพัฒนาฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540-2544) แต่โดนแช่แข็ง “แน่นิ่ง” ตามระบบ “แพลนนิ่ง” แบบไทยๆ มาถึง 18-19 ปี