จีดีพีเป็นเรื่อง “สมมติ” แต่ “กู้เงิน” เป็นเรื่อง “จริง”
เมื่อตอนหนุ่มๆผมมีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งคือโรค “หวาดระแวง” หรือโรค “ประสาทหลอน” เวลาไปเจอเรื่องอะไรๆ ที่ร้ายๆ หรือโหดๆ เข้าก็จะรู้สึกระแวง จดจำฝังใจไปนานแสนนาน
เมื่อตอนหนุ่มๆผมมีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งคือโรค “หวาดระแวง” หรือโรค “ประสาทหลอน” เวลาไปเจอเรื่องอะไรๆ ที่ร้ายๆ หรือโหดๆ เข้าก็จะรู้สึกระแวง จดจำฝังใจไปนานแสนนาน
ผมเรียนท่านผู้อ่านไว้บ้างแล้วในคอลัมน์วันเสาร์สบายๆ สไตล์เสาร์สารพันของผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคมนี้จะมีงานมหกรรมที่สำคัญยิ่งยวดต่อความสำเร็จในการพัฒนาของประเทศไทยเราอยู่งานหนึ่ง จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์
เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงข่าวที่เกี่ยวกับยอดเงินหมุนเวียนหรือค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยครั้งหน้า ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประมาณการว่าจะสูงถึง 40,000-50,000 ล้านบาท
วันนี้พฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2565 ตรงกับวันเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการที่กรุงฮานอย จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป
ผมเขียนถึง “หนี้ครัวเรือน” ของประเทศไทยไปเมื่อวานว่า เปรียบเสมือนระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจที่อาจจะระเบิดขึ้นเมื่อไรก็ได้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ คุณดนุชา พิชยนันท์ แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ในไตรมาส 3 ของปีนี้ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ เมื่อเดือนกันยายนนั้น ปรับตัว ลงไปเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 0.3%
เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงคำอภิปรายของอดีตปลัดกระทรวงการคลัง คุณสมชัย สัจจพงษ์ ที่ให้คำแนะนำแก่นักการคลังรุ่นน้องมิให้ลืม แก่นแท้ของความเป็นนักการคลังที่จะต้องใช้จ่ายเงินด้วยความระมัด ระวังและเกิดประโยชน์สูงสุด
ในที่สุด “เลขที่ออก” สำหรับวงเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด–19 งวดที่ 2 หรืองวดเพิ่มเติม ที่เป็นข่าวอย่างไม่เป็นทางการ และซุบซิบมาตลอดสัปดาห์ที่แล้วก็คือ เลข 5 แสนล้านบาทถ้วนๆ ครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดเผยผ่านรายการ “นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ในเพจไทยคู่ฟ้าว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้ขยายตัวเฉลี่ยถึงร้อยละ 4 ให้จงได้
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่น่าสนใจที่นักเศรษฐกิจทั่วโลกให้ความสนใจอยู่ข่าวหนึ่ง และมีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ข่าวการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 14 ของสาธารณรัฐประชาชนจีนนั่นแหละครับ ผมคิดว่าท่านที่ติดตามข่าวต่างประเทศเป็นประจำคงจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้ว