ฝากนักการเมืองไว้ด้วย อย่าให้ “ข่าวดี” เป็น “ข่าวร้าย”

ผมเรียนท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า “วันลอยกระทง” ของเรานั้นสามารถนำมาใช้เป็นเครื่อง “ชี้วัด” ทางเศรษฐกิจได้อย่างดียิ่ง ไม่แพ้เครื่องชี้วัดทางวิชาการที่นักเศรษฐศาสตร์เขานิยมใช้เลยทีเดียว

ปีไหนลอยกระทงเหงาหรือกร่อย ไม่ค่อยมีคนออกมาลอย งานที่จัดตามสถานที่ต่างๆ ไม่ทันถึง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม เงียบฉี่ซะแล้ว…และสำคัญที่สุดวันรุ่งขึ้น “ขยะกระทง” มีจำนวนน้อยละก็

ฟันธงได้เลยว่า เศรษฐกิจแย่แน่นอน…จะแย่มาก แย่น้อยแค่ไหนรอดูตัวเลขของจริงที่นักวิชาการเขาจะเผยแพร่ออกมาภายหลังกันอีกที

ดังนั้น เมื่อปีนี้งานลอยกระทงค่อนข้างคึกคัก ผู้คนออกมาลอยค่อนข้างมาก และขยะกระทงตามตัวเลขที่ กทม.แถลงก็สูงมากเกือบเท่าปีที่เคยสูงสุด…ผมก็เขียนกราบเรียนท่านผู้อ่านว่า เศรษฐกิจดีขึ้นแน่ๆ

อีกไม่กี่วันต่อมามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ออกมาแถลงยืนยันว่าดีขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นหลายๆ อย่างกำลังกลับคืนมา

ปรากฏว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี่เองครับ สภาพัฒน์ เจ้าเก่าซึ่งรับหน้าที่ในการจัดทำตัวเลขบัญชีประชาชาติ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ฯลฯ เกี่ยวกับข้อมูลตัวเลขที่ใช้วัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งหลายแหล่ก็ออกมายืนยันอีกหนึ่งเจ้า

ท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ คุณดนุชา พิชยนันท์ ท่านแถลงกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 “กรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน” ที่ผ่านไปนี้ขยายตัวถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนท่านยํ้าว่า เร่งขึ้นจากไตรมาสแรก 2.3 เปอร์เซ็นต์ และจากไตรมาสที่ 2 ราวๆ 2.5 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วจะพบว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ของปีนี้ขยายตัวจากไตรมาส 2 ราว 1.2 เปอร์เซ็นต์ และตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาขยายตัว 3.1 เปอร์เซ็นต์

ทำให้ทั้งปี 2565 ซึ่งยังรอเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และธันวาคม อีก 3 เดือนนั้น ท่านจึงคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.2 เร่งขึ้นจากร้อยละ 1.5 ในปี 2564 หรือปีที่แล้ว

ท่านมีรายละเอียดของการเพิ่มขึ้นและลดลงของสาขาต่างๆ มาฝากนักข่าวด้วย ทำให้เราเห็นว่าอะไรเพิ่มและอะไรลดลงอย่างชัดเจน แต่รวมๆ แล้วเพิ่มมากกว่าลด ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น

มีเหตุมีผลประกอบรายละเอียดสามารถที่จะนำไปจัดทำนโยบายและมาตรการแก้ปัญหาได้เหมือนทุกๆครั้งที่ท่านแถลง

สำหรับปีหน้าหรือ 2566 ท่านคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 3.0-4.0% หรือค่ากลาง 3.5 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมไปถึงการขยายตัวของการผลิตภาคเกษตร

ก่อนที่จะทิ้งท้ายประเด็น การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งทั้งเชิงรุก เชิงรับ เชิงเฝ้าระวัง ถึง 8 ประเด็นด้วยกัน

ผมขอยกตัวอย่างเพียงข้อเดียวคือ ข้อแรก ที่บอกว่ารัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้รายย่อย ทั้งในภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจทั้งขนาดกลางและขนาดย่อย ฯลฯ

ซึ่งในทางปฏิบัติรัฐบาลท่านก็ดูแลอยู่แล้ว มีการจัดมหกรรมแก้หนี้ และมีนโยบายมาตรการออกมาช่วยเหลือพอสมควร…ลองแวะไปที่มหกรรมแก้หนี้หาข้อมูลกันด้วยก็แล้วกัน

ครับ! ผมก็ขออนุญาตนำข่าวดีมาขยายเพื่อเป็นขวัญเป็นกำลังใจให้เราต่อสู้กับปัญหาต่างๆต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

ขณะเดียวกันก็จะได้ติดตามดูบอลโลก ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วอย่างมีความสุข

อย่าเพิ่งเร่งเรื่องการเมืองมากนักครับ…บิ๊กตู่ บิ๊กป้อมจะแยกทางกันไหม? จะยุบสภาหลังงานเอเปกไหม? จะโน่นจะนี่กันไหม? กลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ซะอีกแล้ว

รอให้ผ่าน “บอลโลก” วันที่ 18 ธันวาคม เสียก่อนก็ได้ครับ…มาลุ้นชิงรางวัลกับไทยรัฐกรุ๊ปซะก่อน ว่าใครเป็นแชมป์บอลโลกครั้งนี้

อย่ารีบทะเลาะกันเลยครับ…เดี๋ยวตัวเลขเศรษฐกิจที่ทั้งมหาวิทยาลัยหอการค้า ทั้งสภาพัฒน์บอกว่าไทยเราจะฟื้นแน่ๆ นั้น

จะไม่ฟื้นเอานะครับ เพราะความขัดแย้งและความวุ่นวายทางการเมืองที่ชักจะฮึ่มๆ กันซะอีกแล้วซี.

“ซูม”

ข่าว, เศรษฐกิจ, ไทย, ลอยกระทง, การเมือง, สภาพัฒน์, ซูมซอกแซก