“รักน้อยๆ” แต่ “รักนานๆ” “ปรัชญา” จากนักร้อง “ลูกทุ่ง”

ย้อนอดีตไปสัก 30 ปี สู่ พ.ศ.2530 กว่าๆ ท่านผู้อ่านคงพอจำได้ช่วงนั้นเป็นช่วงที่นักร้องลูกทุ่งที่ชื่อสายัณห์ สัญญา โด่งดังเป็นพลุแตก ไปแสดงที่เวทีไหนหรือวิกไหน จะมีแฟนเพลงเข้าไปให้กำลังใจชนิด “เวทีแตก” หรือ “วิกแตก” เช่นเดียวกัน

นอกจากจะร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้งถูกใจแฟนเพลงทั่วประเทศแล้ว เอกลักษณ์ประจำตัวที่โดดเด่นมากของ สายัณห์ สัญญา ก็คือการพูดจาออดอ้อนแฟนเพลงที่ยากจะหานักร้องคนใดเสมอเหมือน

สำนวนที่โด่งดังที่สุดติดอกติดใจแฟนเพลงมากที่สุดของเขาก็คือ สำนวนที่ว่า “รักสายัณห์น้อยๆ…แต่ขอให้รักนานๆ” นั่นเอง

ใครที่เคยเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์มาบ้าง ได้ยินคำออดอ้อนประโยคนี้ก็อดที่จะนึกถึงทฤษฎีว่าด้วย “อรรถประโยชน์ถดถอย” หรือ Law of Diminishing Marginal Utility เสียมิได้

เป็นกฎหรือเป็นทฤษฎีที่ระบุว่า ข้าวของเครื่องใช้หรือสินค้าใดๆ ก็ตาม จะมี “อรรถประโยชน์” หรือทำให้ผู้ใช้หรือผู้บริโภคพอใจสูงสุดในการบริโภค การสัมผัส หรือการใช้สอยในครั้งแรกๆอยู่เสมอ

จากนั้นความพึงใจก็จะค่อยๆ ลดลงในการบริโภคชิ้นต่อๆ ไป จนถึงขั้นเหลือ “ศูนย์” หรือกลายเป็น “ติดลบ” เมื่อบริโภคไปนานๆ เข้า

สายัณห์แม้จะเรียนแค่ ป.4 อย่างที่เขาเคยร้องเพลงบอกไว้ แต่กลับเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างดียิ่ง รู้ว่าวันหนึ่ง “อรรถประโยชน์” ของเขาจะลดลง แฟนเพลงจะรักเขาน้อยลง จึงออดอ้อนขอให้รักเขาน้อยๆ เสียตั้งแต่บัดนี้ อันจะทำให้เขาอยู่ยั้งยืนยงเป็นที่รักของแฟนเพลงได้นานขึ้น

ผมเคยหยิบทฤษฎีนี้มาเขียนถึงบ้างแล้วในคอลัมน์นี้ เพื่อเป็นการเตือนใจรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งที่บริหารประเทศมานานหลายปี ว่าท่านเหมือนสินค้าที่ประชาชนบริโภคซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระวังประชาชนจะเกิดความเบื่อหน่าย

ฉะนั้นเพื่อให้อยู่ต่อไปอีก ท่านจะต้องปรับปรุงคุณภาพสินค้าทั้งตัวท่านและคณะของท่านให้ดูเป็นสินค้าใหม่อยู่เรื่อยๆ ความเบื่อหน่ายจะได้ลดน้อยลง

จำได้ว่าเคยเขียนเตือนบิ๊กตู่ตอนที่ท่านบริหารมา 5 ปีไปแล้วครั้งหนึ่งว่า ให้นึกถึงทฤษฎีอรรถประโยชน์ถดถอยนี้ด้วย

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าช่วงนั้นท่านก็นำทฤษฎีนี้ไปใช้ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ครม.อย่างขนานใหญ่ แม้จะไม่ยอมเปลี่ยนอยู่ 2-3 ท่าน ที่เป็นสินค้าอรรถประโยชน์น้อยที่สุด แต่อย่างน้อยการเปลี่ยนแปลงคนอื่นๆ ก็ทำให้ดูกระฉับกระเฉงขึ้นและอยู่มาได้อีกหลายปี

บัดนี้ท่านบริหารมา 8 ปีแล้ว ก็ฝากไว้เป็นข้อพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน ว่าท่านจะยุติการขายสินค้า หรือว่าจะเดินหน้าต่อไป

นอกจากจะใช้เตือนผู้ผลิตสินค้าอันยาวนานถึง 8 ปีดังกล่าวแล้ว ทฤษฎีนี้ก็ยังใช้เตือนเจ้าของสินค้าใหม่ที่สินค้ากำลังขายดีและฮิตมาก

…อันได้แก่ ท่านผู้ว่าฯ กทม. ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เช่นกัน

ต้องยอมรับว่า ณ นาทีนี้ สินค้ายี่ห้อนี้ขายดีมาก ไปที่ไหนก็มีคนอยากซื้อ อยากสัมผัส อยากใช้ ฯลฯ

ขณะเดียวกัน ทีมงานฝ่ายขายของท่านก็เร่งขายยกใหญ่ ถ่ายทอดสด หรือ “ไลฟ์สด” การทำงานของท่านเกือบจะทุกนาทีนับแต่ท่านตื่นนอน

หนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าวท่านถึง 5-6 ข่าวในวันเดียว…ชัชชาติ ไปนั่น…ชัชชาติไปนี่…ชัชชาติกินข้าวกับพนักงานผู้น้อย ฯลฯ

เหมือนกับจะเร่งให้ใช้อรรถประโยชน์จากท่านอย่างไรอย่างนั้น

ผมก็ห่วงว่า การเร่งรัดเช่นนี้จะทำให้ “อรรถประโยชน์” ของท่านไปถึงจุด “ศูนย์” หรือ “ติดลบ” ตามทฤษฎีนี้เร็วเกินไป

พอดีนึกถึงคำออดอ้อนของ สายัณห์ สัญญา ซึ่งเป็นการบริหารและใช้ทฤษฎีนี้ที่ถูกต้องที่สุด และหากปฏิบัติตามสายัณห์์แล้ว เราก็จะเป็นสินค้าที่อยู่ยงคงกระพัน ประชาชนอยากใช้อยากบริโภคไปอีกนานแสนนาน

นั่นก็คือ ขอให้ประชาชนรักน้อยลงหน่อยและค่อยๆ สะสมความรักไปเรื่อยๆ จะได้รักกันไปนานๆ ดังที่ สายัณห์ สัญญา ทำเป็นตัวอย่างไว้

วิธีที่จะทำให้ประชาชนรักน้อย แต่รักนานขึ้น เห็นจะมีวิธีเดียวเท่านั้นละครับ…คือ จัดเวลาไลฟ์สดตามความเหมาะสม…ไม่น้อยนัก แต่ก็อย่ามากนัก รวมทั้งการออกข่าวแต่พอสมควรไม่มากจนเกินไป

ผมเองก็รักท่านผู้ว่าฯ ครับ จึงขอฝากท่านไว้ในอ้อมใจมิตรรักแฟนการเมืองด้วย รักท่านน้อยๆ (ลงมาหน่อยก็ได้) แต่ขอให้รักนานๆ ก็แล้วกัน.

“ซูม”

ข่าว,​ ชัชชาติ, สายัณห์ สัญญา, ผู้ว่าฯ กทม., ซูมซอกแซก