คลิป “เมาคลีล่าสัตว์” เรื่องน่ารักจาก “โซเชียล”

เมื่อวานนี้ ผมเขียนติงโซเชียลมีเดียไว้ว่า อาจมีผลกระทบทางลบต่อสังคมได้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ติดโซเชียล จะต้องเสพด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยต้องเลือกเสพ หรือติดตามชมเฉพาะเรื่องราวที่เป็นประโยชน์เท่านั้น

วันนี้ลองมายกตัวอย่างเรื่องดีๆ จากโซเชียลกันบ้างนะครับ เผื่อจะช่วยให้หายเครียดจากเรื่องการเมืองในขณะนี้ได้บ้าง

ว่าไปแล้วโซเชียลมีเดีย เป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งแก่มวลมนุษยชาติ หากเลือกติดตามอย่างถูกต้อง เพราะเป็นทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยที่ให้ความรู้ ความคิดแก่มนุษย์ในทุกๆ ระดับ

รวมทั้งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ไร้ขอบเขตจำกัด ที่จะทำให้มนุษย์ค้าขายกันได้ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันคนละมุมประเทศ หรือแม้แต่มุมโลก

ที่สำคัญยังเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้มนุษย์คนใดคนหนึ่งกลายเป็นคนดัง และเป็นคนรวยมีรายได้มหาศาลในชั่วพริบตา

ตัวอย่างของเรื่องดีๆ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การพูดภาษาอังกฤษที่ออกสำเนียงเจ้าของภาษาได้อย่างชัดเป๊ะของเด็กไทยรุ่นหลังๆ ต่างกับคนรุ่นเราที่ออกสำเนียงแข็งๆ แบบไทยๆ ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่อง

เหตุเพราะเราเรียนภาษาอังกฤษมาจากครูไทย ซึ่งต่อให้เก่งแค่ไหนก็ยังมีลิ้นไทยๆ สำเนียงไทยๆ อยู่นั่นเอง

ตรงข้ามกับเด็กรุ่นนี้ที่เรียนภาษาอังกฤษจากยูทูบ จากการ์ตูนสารพัดเรื่อง โดยเรียนตั้งแต่ยังพูดไม่ได้จนถึงเริ่มหัดพูด เพราะพ่อแม่ยุคใหม่โยนมือถือให้ดูตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ

จำได้ไหมครับ ไทยรัฐเคยลงข่าวหน้า 1 เด็กอีสานรายหนึ่งพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อด้วยสำเนียงเจ้าของภาษาร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุเพราะดูการ์ตูนฝรั่งมาตั้งแต่ 2 ขวบนั่นเอง

ผมก็หวังว่า ข้อดีที่เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษชัดเป๊ะอันเกิดจากการเป็น “ลูกเลี้ยง” ของยูทูบมาตั้งแต่เด็กๆ เช่นนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยเราต่อไปในอนาคตที่จะต้องติดต่อค้าขายกับนานาชาติมากขึ้น

ผลดีอีกประการหนึ่งของโซเชียลที่เราทราบกันอยู่แล้วก็คือ เป็นแหล่งกำเนิดของนักร้องรุ่นใหม่หลายต่อหลายคน โดยไม่ต้องพึ่งพาค่ายเพลงใดๆ เลย

ไม่ว่าจะเป็น “ก้อง ห้วยไร่” เจ้าของเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” หรือ แซ็ค ชุมแพ เจ้าของเพลง “คำแพง” หรือล่าสุด เจนนี่-ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เจ้าของเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว” ล้วนแจ้งเกิดจากโซเชียลทั้งสิ้น

กลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีไปตามๆ กัน เพราะโซเชียลมีเดีย

ล่าสุดที่ผมจั่วหัวไว้วันนี้คือ เรื่องของเพลง “เมาคลีล่าสัตว์” เพลงลูกเสือแท้ๆ นั่นแหละครับ ใครจะไปนึกล่ะว่าจะดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาได้

เริ่มจากครูลูกเสือ 3 ท่าน ได้แต่งเพลงสำหรับการเล่นรอบกองไฟ แคมป์ลูกเสือสำรองเอาไว้หลายๆ เพลง โดยยึดนวนิยายเรื่อง “เมาคลี ลูกหมาป่า” ของ ริยาร์ค คลิปลิงส์ เป็นหลัก

เป็นเพลงสั้นๆ เกี่ยวกับตัวละครต่างๆ และบทบาทสำคัญๆ ของตัวละครนั้นๆ ในนิยายเรื่องนี้

เสร็จแล้วท่านก็หย่อนเพลงเหล่านี้ไว้ในยูทูบ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าแรกๆ จะมีคนเข้าไปเปิดฟังมากน้อยเพียงใด

มีเนื้อร้องสั้นๆ ว่า “เมาคลีล่าสัตว์ เมาคลีล่าสัตว์ ฆ่าแชร์คาน ฆ่าแชร์คาน ถลกหนังมัน––ออกมาหมด มันฆ่าวัว มันฆ่าควาย”

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีดาราคนหนึ่งเอาเพลงนี้ไปเล่นใน Tiktok ฮิตระเบิดขึ้นมาทันที จากนั้นก็มีคนเอาไป Cover ใหม่ในหลายๆ เวอร์ชัน ดังสนั่นไปทั้งยูทูบ

มีทั้งเอาไปร้องเร็วๆ จังหวะเร็วๆ แบบเต้นได้ และมีคนแต่งเป็น เนตรนารี มาเต้นตามเพลงนี้ ปรากฏว่ามีคนเข้าไปฟังแล้วกว่า 20 ล้านวิว

ขณะเดียวกัน ก็มีนักร้องบางรายเอาไปร้องแบบช้าๆ เศร้าๆ กับกีตาร์ตัวเดียว นี่ก็ฮิตมีคนเข้าดูกว่า 5 ล้านวิวไปแล้ว

ทำให้ครูลูกเสือทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ ครู โสภณ ศรีจั่นเพชร แห่ง โรงเรียนบางมด (ต้นเปาว์วิทยาคาร), ครู อุทิศ ดีเฉย จากโรงเรียนวัดแสมดำ และครู บัญชา เอกธรรม โรงเรียนการเคหะท่าทราย ผู้ร้องและเต้นเพลงนี้บันทึกไว้เป็นรุ่นแรกพลอยดังไปด้วย

ล่าสุด เพลงต้นฉบับของครูทั้ง 3 ท่าน มีคนเอาไปช่วยรีมิกซ์ให้ใหม่ ทำให้เต้นมันขึ้น ท่าทางของคุณครูทั้ง 3 ก็ดูทะมัดทะแมงขึ้นนั้น มียอดวิวทะลุ 6 ล้าน 7 แสนไปเรียบร้อยเช่นกัน

ใครรวยจากการคัฟเวอร์เพลงนี้อย่าลืมแบ่งให้คุณครูบ้างเด้อ.

“ซูม”

เรื่องดีๆ จากโซเชียล, เมาคลีล่าสัตว์, Tiktok, ซูมซอกแซก