จิตสำนึกในการ “เยียวยา” บทเรียนจากกระทรวงเกษตรฯ

เป็นประเด็นใหญ่ฮือฮาในโซเชียลอยู่หลายวันทีเดียว จากข่าวที่ว่า ข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวนหนึ่งที่เอาเวลาว่างไปประกอบอาชีพเสริมทำการเกษตรนั้นไซร้ ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งรายชื่อไปขอรับการเยียวยาด้วย โดยถือว่าเป็นเกษตรกร

พอข่าวนี้หลุดออกมาก็มีการแสดงความคิดในเชิงไม่เห็นด้วย จนร้อนฉี่ไปทั้งโซเชียล

รวมทั้งนักแต่งเพลงชื่อดัง “คุณดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของเขาอย่างสั้นๆ ว่า “แนวคิดที่จะเยียวยาข้าราชการที่บังเอิญมีเวลาว่างไปทำการเกษตรน่าจะเลอะเทอะแล้วนะครับ # คนเสียภาษี ด้วยโดนผลกระทบด้วย แต่ไม่กล้าขอเยียวยามีเคือง”

ที่ผมหยิบการโพสต์ของคุณดี้มาเป็นตัวอย่างในวันนี้ก็เพราะเห็นว่าเป็นข้อความที่เบาและสุภาพที่สุดแล้วเท่าที่ผมอ่านพบ

ถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดที่คุณดี้ใช้ก็คือคำว่า “เลอะเทอะ” เท่านั้นเอง ไม่หนักหนาสาหัสไปจนถึงขนาดใช้คำอุทานว่า สาดดด! หรือ เอี้ยยย! อย่างในบางโพสต์

ก็สมควรจะให้สังคมไทยเขาตัดพ้อต่อว่าอยู่หรอกครับ ที่จู่ๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไปสนับสนุนให้ข้าราชการประจำของกระทรวงที่บังเอิญมีเวลาว่างไปทำการเกษตร (ตามสำนวนของคุณดี้) ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท รวม 3 เดือน 15,000 บาท กับเขาด้วย

โดยส่งรายชื่อรวมไปกับเกษตรกรที่มีฐานข้อมูลรายชื่ออยู่แล้ว พร้อมกับอ้างว่ามติ ครม.ที่เคยมีอยู่นั้น จะไม่จ่ายเงินเยียวยาเฉพาะข้าราชการที่เกษียณแล้วเท่านั้น

แต่นี่เป็นข้าราชการประจำ แต่ไปทำอาชีพเสริมโดยไม่เบียดบังเวลาราชการ ยังไม่มีมติที่ชัดเจน ท่านก็เลยส่งมา

ซึ่งโดยสามัญสำนึกกระทรวงเกษตรฯ ควรจะคิดได้แต่แรกว่า ขนาดข้าราชการเกษียณแล้ว ได้เงินเดือนลดไปตั้งเยอะ ครม.ท่านยังไม่ให้จ่าย …ใครที่ไหนเขาจะยอมให้จ่ายข้าราชการที่ยังทำงานกินเงินเดือนเต็มเม็ด เต็มหน่วยอยู่ในขณะนี้ได้ล่ะ

ตัดรายชื่อทั้ง 91,000 ราย ที่ว่าเสียแต่ต้น เรื่องก็จบ และก็คงจะได้รับคำชมด้วยซํ้าว่าทำหน้าที่ได้อย่างดี เห็นแก่ประโยชน์ของเงินที่มาจากหยาดเหงื่อของประชาชนอย่างแท้จริง

พอเรื่องฮือฮาขึ้นแล้ว ทั้งกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ท่านออกมายืนยันแล้วว่าจ่ายเยียวยาให้แก่ข้าราชการกลุ่มนี้ไม่ได้เด็ดขาด…แม้ทั้งท่านรัฐมนตรีและท่านปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะชี้แจงทำความเข้าใจยกเหตุยกผลหลายอย่างก็เปล่าประโยชน์ เพราะสังคมได้พิพากษาท่านไปเรียบร้อย

ผมเข้าใจดีว่าประชาชนชาวไทยที่ทำหน้าที่พลเมืองดีในการเสียภาษี ให้แก่รัฐบาลมาตลอดนั้น ไม่ได้ขัดข้องเลยที่ท่านจะนำเงินภาษีจำนวนมาก ของพวกเขาไปจ่ายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดครั้งนี้

แม้ภาษีปัจจุบันไม่พอ จะต้องไปกู้เงินในอนาคตมาจ่าย ซึ่งพวกเขา ก็จะต้องโดนเก็บภาษีในอนาคตเพิ่มขึ้นด้วย…เขาก็ไม่ปริปากบ่นแต่อย่างใด

เพราะตระหนักดีว่าการแจกการเยียวยาครั้งนี้เป็นเรื่องจำเป็น อย่างยิ่งยวด แตกต่างไปจากการแจกแบบประชานิยมที่รัฐบาลชุดนี้แหละเคยทำและชอบทำอยู่เสมอในห้วงเวลาที่ผ่านมา

สิ่งที่ประชาชนผู้เสียภาษีซึ่งก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เขาอยากเห็น ก็คือ ขอให้ท่านชดเชยให้ถูกคนอย่างเป็นธรรมและอย่างทั่วถึงเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ทุกหน่วยราชการที่รับผิดชอบในการแจกหรือการเยียวยาจะต้องช่วยดูแลให้ดีๆ เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม ทั่วถึงและถูกฝาถูกตัวตั้งแต่ต้น

ขอฝากให้ทุกๆ กระทรวงนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และขอให้ใช้ จิตสำนึกในการตัดสินใจให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงคุณค่าของเงินภาษีและเงินกู้ที่ประชาชนจะต้องใช้คืนในอนาคตให้มากที่สุด และอย่าใช้วิธีคิดแบบศรีธนญชัยโดยเด็ดขาด

รวมทั้งเวลาเอาเงินไปใช้เวลาได้โครงการต่างๆ ไปแก้ปัญหา หรือไปกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งกำลังจะตามมาก้อนใหญ่นั้นก็จะต้องไม่โกง ไม่กิน ไม่รั่ว ไม่ไหลแม้แต่บาทเดียว

คนเสียภาษีอย่างคุณ นิติพงษ์ ห่อนาค เขาใช้คำว่า “เคือง” เท่านั้นเวลาโพสต์ต่อว่า แต่อีกหลายคนที่ผมได้ยินมา และได้อ่านมาใช้คำว่า “แช่ง” เลยละครับจะบอกให้

สำหรับใครก็ตามจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการประจำก็ตามที่ใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท โดยมิชอบ!

“ซูม”