“วัดฉลอง” ภูเก็ต…วันนี้ ดังไกลถึง “ประเทศจีน”

หัวหน้าทีมซอกแซกเขียนเกริ่นไว้ในคอลัมน์ “เหะหะพาที” เมื่อ 2 วันก่อนแล้วว่า หัวหน้าทีมฯและคณะแว่บไปสูดอากาศบริสุทธิ์จากริมทะเลภูเก็ตมา 3 คืน กับ 3 วัน ในช่วงหยุดยาว 6–7–8 เมษายนที่ผ่านมา

ได้เที่ยว ได้ดู ได้ชม ได้รับประทานของอร่อยๆ และได้เรื่องราวติดมือกลับมาฝากแฟนๆ คอลัมน์ซอกแซกหลายๆ เรื่อง คงจะได้แกะชะลอมหยิบออกมาเขียนถึงเป็นระยะๆ ตามลำดับ

เว็บท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเว็บหนึ่งระบุว่า แหล่งยอดนิยมของจังหวัดภูเก็ตที่ใครๆ ไปเยือนแล้วจะต้องแวะ “เช็กอิน” คือแวะไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 10 อันดับแรก ได้แก่

1.ตึกชิโนโปรตุกีส ณ บริเวณใจกลางเมืองเก่าภูเก็ต 2.แหลมพรหมเทพ จุดที่พระอาทิตย์ตกทะเล เห็นได้เป็นจุดสุดท้ายของประเทศไทย 3.เกาะไม้ท่อน 4.หมู่เกาะสิมิลัน 5.เกาะเฮ 6.หาดไม้ขาว ข้างสนามบินภูเก็ต จุดดูเครื่องบินขึ้นลงที่ใกล้ชิดคนดูมากที่สุด 7.หาดป่าตอง 8.อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร 9.วัดฉลอง และ 10.วัดพระทอง หรือวัดพระผุด

ทำเป็นเล่นไป ทั้ง 10 จุด 10 แหล่งยอดนิยมที่ว่านี้ หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสไปเยือนถึง 6 จุด เกินครึ่งหนึ่งเลยเชียวล่ะ

สัปดาห์นี้ขอเขียนถึง “วัด” ก่อนก็แล้วกัน เพื่อให้เข้าบรรยากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่คนไทยนิยมเข้าวัดทำบุญไหว้พระ และสรงน้ำพระพร้อมกับเล่นสนุกสนานอยู่ในลานวัดต่างๆ

น่ายินดีที่ “วัด” สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ติดอันดับยอดนิยมทางด้านท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตถึง 2 วัดด้วยกัน ได้แก่ “วัดฉลอง” และ “วัดพระทอง” ดังที่ได้เอ่ยไว้ข้างต้น

ทั้ง 2 วัดเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองภูเก็ต มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน นับย้อนกลับไปได้ถึงยุคต้นๆ ของกรุงรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว โดยเฉพาะ วัดฉลอง ซึ่งมี หลวงพ่อแช่ม เป็นเจ้าอาวาสในอดีตนั้น มีกิตติศัพท์เลื่องลือไม่เฉพาะในภูเก็ตเท่านั้น แต่ไปไกลจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน เป็นที่นิยมเลื่อมใสของพี่น้องชาวจีนในปีนังในมาเลเซียเป็นอย่างมาก

รวมทั้งยังขจรขจายมาถึงเมืองหลวงจนความทราบถึงพระเนตรพระกรรณในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงทรงแต่งตั้งให้ดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี และทรงเปลี่ยนชื่อ วัดฉลอง เสียใหม่ว่า “วัดไชยธาราราม” อันเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของวัดฉลองในปัจจุบัน

หัวหน้าทีมซอกแซกตั้งใจจะไปทั้ง 2 วัด แต่ได้ไปเพียงวัดเดียว คือ วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม เหตุเพราะมีเวลาค่อนข้างจำกัด

วันที่ทีมงานฯ ไปเยือนวัดฉลองนั้น ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวแวะมาที่วัดแน่น ขนัด ทั้งนักท่องเที่ยวยุโรป และนักท่องเที่ยวจีน เวียนเข้าเวียนออกนับพันๆ คนทีเดียว

ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนนั้นไม่เพียงแต่จะเข้าสักการะ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแด่รูปปั้น หลวงพ่อแช่ม เช่นเดียวกับคนไทยเท่านั้น ยังนิยมเช่ารูปปั้นหลวงพ่อแช่มองค์เล็กๆ ไปบูชากันอีกด้วย

ทำให้รูปปั้นหรือพระเครื่องหลวงพ่อเฮี้ยนเป็น…ขอประทานโทษที่ต้องใช้คำนี้…เป็น สินค้า ออก ที่ทรงคุณค่าอีกประการหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจากความนิยมเลื่อมใสของนักท่องเที่ยวจีน

สำหรับในพระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี นั้นมี พิพิธภัณฑ์ ของท่านอยู่ด้านหลังด้วย แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมในวันที่หัวหน้าทีมซอกแซกแวะไปนมัสการ แต่ก็สามารถมองเห็นได้จากภายนอก มีรูปปั้นของท่านอีกองค์หนึ่งตั้งอยู่โดยมี ไม้เท้า วางอยู่ด้วยข้างๆ

ทำให้อดนึกถึงเรื่องเล่าปรัมปราที่ว่าเด็กสาวคนหนึ่งมีอาการปวดท้องจุดเสียดปางตายกินยาอะไรก็ไม่หายจึงบนหลวงพ่อแช่มอยู่ในใจว่าถ้าหายแล้วจะนำทองไปปิดที่ “ของลับ” หลวงพ่อ ซึ่งก็ปรากฏว่าหายจริงๆ แต่หญิงสาวนั้นก็ไม่กล้าจะไปแก้บน เพราะรู้ตัวว่าสิ่งที่บนไปนั้นค่อนข้างจะพิเรนทร์ และไม่สมควรอย่างยิ่ง

ต่อมาหญิงสาวก็ปวดท้องอีกจนในที่สุดก็สำนึกว่า เพราะตนเองยังไม่แก้บนนั่นเอง จึงเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็นำเด็กไปหาหลวงพ่อ พร้อมกับเล่าความจริงทุกอย่าง

ในตำนานเล่าว่าหลวงพ่อแช่มถึงกับกล่าวว่า “ลูกมึงมันสัปดน ใครจะให้ปิดทองอย่างนั้นได้” ซึ่งพ่อเด็กก็ขอร้องว่าหากไม่ให้ปิดลูกก็จะไม่หายและอาจจะถึงแก่ความตายได้

หลวงพ่อนิ่งอยู่ขณะหนึ่งในที่สุดก็แก้สถานการณ์ โดยขึ้นนั่งคร่อมไม้เท้าแล้วยื่นไม้เท้าให้เด็กสาวปิดทองที่ไม้เท้าแทน ก็ปรากฏว่าเด็กนั้นหายจากปวดท้องโดยสิ้นเชิงและไม่กลับมาปวดอีกเลยหลังจากแปะทองแล้ว

ทุกวันนี้ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่เด็กสาวแปะทองให้ก็ยังอยู่ข้างๆ รูปปั้นของหลวงพ่อ

นอกจากวิหารของหลวงพ่อแช่มแล้วใน วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม ปัจจุบันนี้ยังมี พระธาตุเจดีย์ ที่สวยงามอีกองค์หนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2543 หลังจาก สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากศรีลังกาให้แก่วัดฉลอง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พุทธ– บริษัทในจังหวัดภูเก็ตและบริเวณฝั่งอันดามัน

พระธาตุเจดีย์นี้มีชื่อว่า “พระธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมีประกาศ” สร้างสูงพอสมควร สามารถขึ้นไปชั้นบนเพื่อชมทิวทัศน์รอบๆ ได้ ปัจจุบันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเช่นกัน

เรื่องราวและเกร็ดประวัติของหลวงพ่อแช่มและวัดฉลองยังมีอีกมากมาย ทีมงานซอกแซก ขอนำมาเล่าโดยสังเขปเพียงเท่านี้ก่อน และก่อนจบ เพิ่งไปอ่านเจอเรื่อง “ไม้เท้าปิดทอง” เข้าพอดีเป็นเรื่องเล่าจาก กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งเสด็จไปภูเก็ตยุคโน้นว่าได้ฟังจากกรมการเมืองถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

ดังนั้นเมื่อทรงพบหลวงพ่อแช่ม จึงทรงถามว่า “จริงหรือไม่” ซึ่งพ่อท่านไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม กรมพระยาดำรงฯ จึงสรุปว่า “เห็นจะเป็นเรื่องจริงดังเขาเล่าเสียกระมัง”

ก็ขออนุญาตนำมาเป็นเกร็ดส่งท้ายเพื่อให้รายงานชุดไปกราบหลวงพ่อแช่มและวัดไชยธาราราม จังหวัดภูเก็ต ของทีมงานซอกแซกสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ…ดังนี้แล.

“ซูม”