หนังสือพิมพ์ไทยรัฐพาดหัวข่าวยักษ์เมื่อ 2 วันก่อนว่าท่านปลัดกระทรวงการคลัง ประสงค์ พูนธเนศ ได้ออกมาสะกิดเตือนการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ประกาศนโยบายลดแหลกแจกแถมในขณะนี้ว่า มีงบเหลือให้แจกเพียงประมาณแสนล้านบาทเท่านั้น

ฉะนั้น พรรคไหนจะแจกอะไร? อย่างไร? เท่าไร? ก็โปรดคำนึงถึงตัวเลขยอดเงินจำนวนนี้เอาไว้ด้วย

ผมไม่แน่ใจว่าเป็นงบประมาณจากส่วนใด เพราะท่านไม่ได้อธิบายรายละเอียด ถ้าจะให้ลองเดาก็ขอเดาว่าอาจเป็น งบกลาง ที่ปกติจะตั้งไว้ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจใช้ร้อยละ 3.5 ยอดงบประมาณทั้งหมด

งบประมาณปี 2562 ที่กำลังใช้อยู่นี้ ส่วนใหญ่ก็จะมีโครงการวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการใช้เงินอยู่แล้วไม่น่าจะนำมาใช้เป็นอย่างอื่นได้ ผมก็เลยเดาว่า อาจจะเป็นงบกลางที่ยังคงเหลืออยู่

ถ้าผมเดาผิดก็ขออภัยด้วยครับ แต่ประเด็นที่ว่าพรรคต่างๆ จะมีสิทธิ์ใช้งบประมาณปี 2562 แค่ 100,000 ล้านบาท คงไม่ผิด เพราะมาจากปากของท่านปลัดกระทรวงการคลังเอง ซึ่งอาจจะมาจากหมวดหมู่ใดๆ หรืองบส่วนใดที่ผมไม่มีความรู้พอที่จะเดาได้ถูกก็เป็นได้

ฉะนั้น ใครที่หาเสียงปาวๆ เอาไว้ว่าจะทำโน่น ทำนี่ แจกโน่น แจกนี่ คงจะต้องคำนึงถึงยอดเงินเอาไว้ด้วยว่ามีเพียงเท่านี้เอง

ไม่เพียงเท่านั้น แม้งบประมาณปี 2563 หรือปีหน้าที่กำลังจัดทำกันอยู่นี้ ซึ่งจะมีวงเงินถึง 3.2 ล้านล้านบาทนั้น ผมก็คิดว่าโอกาสที่พรรคการเมืองทั่วไปจะมีโอกาสใช้คงไม่มากนักเช่นกัน

เพราะถ้าดูตามปฏิทินการจัดทำงบประมาณประจำปี 2563 จะเห็นว่าขั้นตอนต่างๆ ผ่านไปแล้วมากมาย และจะผ่านอีกมากมายกว่า เราจะมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศหรือ ส.ส.ใหม่เข้ามาสู่สภา

ขั้นตอนแรกเลยคือ ขั้นตอนที่กระทรวงการคลังสำนักงบประมาณสภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณายอดวงเงินที่เหมาะสม เพื่อให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ผ่านไปเรียบร้อย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คือยอด 3.2 ล้านล้านบาท ที่ว่า

ขั้นตอนต่อมาก็คือ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ จะต้องเสนอว่าแต่ละกระทรวงมีโครงการอะไร จะทำอะไร ใช้เงินอย่างไร เท่าไร ที่เรียกว่ารายละเอียดคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ ภายในไม่เกินเดือนมกราคม 2562 ซึ่งก็ผ่านไปเรียบร้อย

ตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมสำนักงบประมาณจะต้องพิจารณาเบื้องต้นจะตัดเท่าไร ให้ได้เท่าไร สำหรับกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ที่ขอมาและจะทำให้แล้วเสร็จเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเดือนพฤษภาคม

คณะรัฐมนตรีในเดือนพฤษภาคมที่ว่านี้น่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี่แหละครับ เพราะโดยขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งอาจจะยังไม่ได้ “รัฐบาลใหม่” ภายในเดือนพฤษภาคมด้วยซํ้า

ขั้นตอนต่อไปสำนักงบประมาณจะดำเนินการจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 พร้อมรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ “รัฐบาล” นำเสนอฝ่ายนิติบัญญัติในเดือนมิถุนายน

ก็ยังไม่แน่ใจอีกนั่นแหละว่าจะได้รัฐบาลใหม่หรือยัง…สมมติว่าได้ใหม่แล้ว รัฐบาลใหม่ สมมติว่ามาจากที่หาเสียงปาวๆ ขณะนี้ก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้มาก

เพราะจะต้องรีบส่งไปให้ฝ่ายนิติบัญญัติคือสภาผู้แทนใหม่ในเดือนมิถุนายน เพื่อที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะพิจารณาวาระที่ 1ในเดือนนี้

ตามมาด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายละเอียดแล้ว เสนอผ่านวาระ 2-3 ในเดือนสิงหาคม เพื่อให้ทันต่อการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ประกาศใช้เป็นกฎหมายในเดือนกันยายน

ทุกอย่างมีเงื่อนเวลาบังคับเต็มไปหมด มองแล้วก็ไม่เห็นหนทางท่านที่หาเสียงปาวๆ ขณะนี้จะเอาโครงการของท่านไปใส่ไว้ในงบประมาณปีหน้า คือ 2563 ให้ทันได้อย่างไร

อย่างเก่งก็จะมีงบกลาง 3.5 เปอร์เซ็นต์ คือประมาณ 1 แสนกว่าล้าน ให้ใช้ได้ แต่ก็ต้องสังวรไว้เช่นกันว่ามีเพียงแค่นี้นะ อย่าหาเสียงให้มากกว่านี้ เป็นอันขาด

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตะโกนหาเสียงว่าจะทำโน่นทำนี่ พอเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วทำไม่ได้ เพราะไม่มีงบประมาณให้ทำ จะโดนประชาชนถอนหงอกโทษฐานโกหกประชาชนเอาน่ะซี.

“ซูม”