สัจธรรมการท่องเที่ยว “ลูกค้า” จะเปลี่ยนหน้าเสมอ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า มีการจัดงานเลี้ยง “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่มีน้ำหนักถึง 4.5 ล้านตันให้แก่ทัวร์จีนกว่า 10,000 คน นั่งหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย ที่ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี

งานนี้จัดโดยคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเป็นประธานเปิดงาน

ผมก็เดาเอาว่า เหตุที่เชิญ “บิ๊กป้อม” ไปเปิดงานนี้ อาจจะเป็นการ “ไถ่โทษ” ให้แก่ท่านด้วย เพราะเมื่อตอนที่ทัวร์จีนตกตํ่าขนานใหญ่หลายเดือนก่อน อันเนื่องมาจากกรณีเรือล่มที่ภูเก็ตนั้น…ก็พี่ป้อมของเรานี่แหละครับที่ไปให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องของคนจีนด้วยกันเอง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

งานนี้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “We Care About You” เจาะจงเชิญเฉพาะทัวร์จีนเท่านั้น…ทัวร์ชาติอื่นๆ ไม่เกี่ยว…

ทราบว่า นักท่องเที่ยวจีนรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย และประทับใจในบรรยากาศงานเลี้ยง และงานแสดงต้อนรับอย่างมาก หวังว่าคงจะกลับบ้านไปช่วยกันประชาสัมพันธ์โน้มน้าวให้นักท่องเที่ยวจีนยังคงมาเที่ยวประเทศไทยของเราต่อไป

อย่างไรก็ตาม…แม้ว่าผมจะยังอยากได้ทัวร์จีนแค่ไหน และเห็นด้วยว่าเราควรจะ “แคร์” เขา ด้วยการจัดเลี้ยงดังที่เป็นข่าวเพียงใด

แต่ผมก็ยังคงต้องพูดต้องเขียนเหมือนทุกๆ ครั้งว่า เราไม่ควรจะแคร์จนถึงขั้นปล่อยให้เกิดสภาพการณ์อย่างที่เคยเกิด โดยเฉพาะทัวร์เอารัดเอาเปรียบอย่างทัวร์ “ศูนย์เหรียญ” หรือทัวร์ที่เข้ามาทำความเสียหายให้แก่ทรัพยากรท่องเที่ยวของเรา ซึ่งต้องยอมรับว่าครั้งหนึ่งมีอยู่มาก

เราควรจะแคร์ด้าน “คุณภาพ” นักท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย อย่ามุ่งแต่ “ปริมาณ” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ผมก็เห็นด้วยที่มีข่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ท่านจะหันไปเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ให้มาเที่ยวบ้านเรามากขึ้น และล่าสุดคือนักท่องเที่ยวอินเดียที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของเรา

เหตุที่ผมเห็นด้วยก็เพราะตระหนักดีว่า จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของการท่องเที่ยวก็คือ…ต่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งสวยแค่ไหนไปแล้วสนุกแค่ไหน หรือประทับใจแค่ไหน…แต่สักวันนักท่องเที่ยว ก็จะเบื่อประเทศนั้น

เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่ประการหนึ่งว่า เมื่อไปเที่ยวที่ไหนบ่อยๆ เข้าหรือนานๆ เข้าก็ชักจะชาชินหมดสนุก หมดความตื่นเต้นอยากจะ ไปเที่ยวที่อื่นเพื่อเปลี่ยนรสชาติเสียบ้าง

บริษัทท่องเที่ยวเขาก็รู้ในสัจธรรมข้อนี้ จึงต้องสรรหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ไว้บริการลูกค้าอยู่เสมอๆ ทำให้มีการส่งเสริม มีการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขึ้นมากมาย

ดังนั้น เจ้าของสถานที่ดั้งเดิมจึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงตัวเราเองให้ดีขึ้น เพื่อดึงลูกค้าเก่าๆ ไว้ต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ก็จะต้องเตรียมตัวหาทางดึงลูกค้าใหม่ๆ มาแทนลูกค้าเดิมที่อาจจะเริ่มเบื่อเรา

จะเห็นว่าด้วยสัจธรรมข้อนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทยของเราเปลี่ยนเชื้อชาติเปลี่ยนประเทศต้นทางมาโดยตลอด จากยุโรป จากอเมริกา จากรัฐเซีย จากญี่ปุ่น จากเกาหลี ในที่สุดก็เปลี่ยนมาเป็นจีนอย่างทุกวันนี้

เผอิญว่าจีนเขามีคนมาก และเริ่มจะร่ำรวยขึ้นมาเที่ยวบ้านเราได้มาก และก็มาติดต่อกันหลายปี

ทุกวันนี้ที่เริ่มถดถอยลง นอกจากจะโกรธเราด้วยเหตุต่างๆ แล้ว อาจจะมีบางส่วนเริ่มเบื่อเราก็เป็นได้ตามสัจธรรมของการท่องเที่ยวอย่างที่ว่า

เพราะฉะนั้นการเตรียมหาลูกค้าใหม่หานักท่องเที่ยวใหม่มาชดเชย หรือมาทดแทนจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

เพียงแต่เราจะต้องตระหนักเท่านั้นเองว่าลูกค้าแต่ละชาติจะมีวัฒนธรรม อุปนิสัยใจคอ ความประพฤติ และการปฏิบัติตนที่แตกต่างกัน

ปัญหาที่จะเกิดจากนักท่องเที่ยวแต่ละชาติก็จะไม่เหมือนกัน ฝรั่งอย่างหนึ่ง เกาหลี ญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง รัสเซียอย่างหนึ่ง จีนอย่างหนึ่ง และอินเดียก็อีกอย่างหนึ่ง

พร้อมหรือยังครับ นักธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหลายที่จะ “ส่ายหน้าไปมา” แบบอินเดีย ต้อนรับนักท่องเที่ยวอินเดียพร้อมด้วยปัญหาอินเดี๊ย–อินเดียที่จะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นในเร็ววันนี้.

“ซูม”