ได้เวลาโหมโรง ฟุตบอล “ยูโร 2020”

มหกรรมการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ของโลก นอกจาก “ฟุตบอลโลก” หรือ “เวิลด์คัพ” ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดแล้ว…รองลงมาก็คงหนีไม่พ้นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งทวีปยุโรป หรือที่เรียกกันว่า “ฟุตบอลยูโร”

ฟุตบอลโลก เก่าแก่กว่าจัดแข่งมาแล้ว 21 ครั้ง…ครั้งหลังสุด เพิ่งผ่านไปหมาดๆ เมื่อปี 2018 นี่เอง โดยมีรัสเซียเป็นเจ้าภาพ

ส่วนฟุตบอลยูโรนั้น จัดทีหลังเยอะ แต่ก็จะครบ 60 ปี ในปีหน้านี้ และจะเป็นการเริ่มต้นยูโรครั้งที่ 16 ในปี 2020 ที่จะถึง

เนื่องจากฟุตบอลทั้ง 2 รายการยักษ์ที่ว่านี้จะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี และมีระยะเวลาเหลื่อมกัน 2 ปี จึงเท่ากับว่ามวลมนุษยชาติที่เป็นแฟนบอลทั่วโลกจะโชคดีได้มีเวลาแห่งความสุขทุกๆ 2 ปี

ดังที่เกริ่นไว้แล้วว่า เมื่อฟุตบอลโลก 2018 ผ่านไป อีก 2 ปีต่อมา ฟุตบอลยูโร 2020 ก็จะเวียนมาถึง และได้กำหนดเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยว่า ฟุตบอลยูโรครั้งที่ 16 จะเริ่มขึ้น ณ วันที่ 12 มิถุนายน ไปจนถึง 12 กรกฎาคมของปีหน้า นับจากนี้ไปก็แค่ 15 เดือนเท่านั้นเอง

และก็เป็นไปตามธรรมเนียม เมื่อรอบสุดท้ายของฟุตบอลยูโร จะมีทีมแค่ 24 ทีมเท่านั้น ในขณะที่ในยุโรปมีถึง 55 ประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตะคัดเลือกซะก่อน

ซึ่งการคัดเลือกที่ว่าก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจะจับประเทศต่างๆ ไปลงกลุ่มแข่งขันที่กำหนดไว้ 10 กลุ่มด้วยกัน

แยกเป็นกลุ่ม 5 ประเทศ 5 กลุ่ม และกลุ่ม 6 ประเทศอีก 5 กลุ่ม รวมแล้วได้ 55 ประเทศพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน

สำหรับยูโรครั้งนี้ เขาจะเอาที่ 1 และที่ 2 ของทุกกลุ่ม รวม 10 กลุ่ม ซึ่งก็คือ 20 ทีม ไปเล่นรอบสุดท้าย

ส่วนอีก 4 ทีม เขาจะสงวนไว้ให้แก่ทีมที่พลาดจากการอยู่ใน 20 ทีมของการคัดเลือก แต่ก็ได้ตำแหน่งดีในศึกฟุตบอล “ยูฟ่าเนชั่นลีก” ที่เขาจัดขึ้นใหม่ แบ่งเป็นลีกต่างๆ 4 ลีก 4 ระดับ ท่านผู้อ่านคงจำได้…ให้มาเพลย์ออฟกัน เพื่อช่วงชิงตำแหน่งอีก 4 ทีมที่เหลือ

เพื่อเป็นการสร้างสิ่งจูงใจให้แก่ลีกบอลระดับชาติของยุโรปที่เขาคิดขึ้นใหม่ว่าอย่างนั้นเถิด

สำหรับการเตะรอบคัดเลือกก็จะเตะกันไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกทีมของทุกกลุ่มจะแข่งไปกลับคนละครั้งจนครบถ้วน คาดว่าจะไม่เกินเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และเผื่อเวลาไว้สำหรับแข่งเพลย์ออฟหา 4 ทีมด้วย เสร็จสิ้นทันกาลก่อนกำหนดแข่งขัน 24 ทีมสุดท้ายพอดิบพอดี

เมื่อพูดถึงการเตะรอบสุดท้าย หรือรอบ 24 ทีมของศึกยูโร 2020 ก็แปลกใหม่อีกน่ะแหละครับ เพราะจะมิใช่จัดโดยเจ้าภาพประเทศเดียว หรืออย่างเก่งก็ 2 ประเทศร่วมกันอย่างที่ผ่านมา

แต่จะแบ่งกันเป็นเจ้าภาพไปทั่วยุโรปเลยทั้งในรอบแบ่งกลุ่มและในรอบ 16 ทีม 8 ทีม รอบเซมิ และรอบชิงในที่สุด

ในรอบแบ่งกลุ่ม 24 ทีม จ่าแฉ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเตะที่ไหนบ้าง แต่ในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม 8 ทีม เซมิไฟนอล และไฟนอล เห็นรายชื่อเจ้าภาพเรียบร้อยแล้ว

โดยรอบ 16 ทีม ซึ่งจะเตะ 8 คู่ เขาจะใช้ถึง 8 เมืองใน 8 ประเทศ ตั้งแต่ บูคาเรสต์, โคเปนเฮเกน, บิลเบา, ลอนดอน, กลาสโกว, ดับลิน, บูดาเปสต์ และ อัมสเตอร์ดัม

รอบ 8 ทีม 4 คู่ ก็ 4 เมือง 4 ประเทศมี เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, มิวนิก, โรม แล้วก็ บากู

รอบเซมิ 2 คู่ จัด 2 วัน ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ และรอบชิง ก็จะอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษเช่นกัน ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2020

มิเชล พลาตินี อดีตประธานยูฟ่า เจ้าของความคิดนี้บอกว่า การให้หลายๆประเทศร่วมเป็นเจ้าภาพถือเป็นความหวานชื่นและเป็นเสน่ห์ ประการหนึ่งสำหรับการเฉลิมฉลองครบปีที่ 60 ของการแข่งขันฟุตบอลยูโร

จะหวานชื่น หรือจะขมขื่น เพราะเดี๋ยวเตะที่โน่นที่นี่เวียนหัวไปหมดปีหน้า เมื่อเทศกาล “ยูโร 2020” มาถึงก็คงจะรู้กันละครับ.

“จ่าแฉ่ง”