อาลัย “เบคเคนบาวเออร์” 1ใน “ตำนาน” บอลโลก

เมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ของวงการกีฬาโลกอยู่ข่าวหนึ่ง ได้แก่ ข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานบอลโลกที่ชื่อฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ แห่งทีมชาติเยอรมัน

เจ้าของฉายา “เดอะไกเซอร์” เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 78 ปี โดยมีญาติๆ และครอบครัวอยู่เป็นเพื่อนจนวินาทีสุดท้าย

สำนักข่าวดังของโลกโดยเฉพาะ บีบีซี นำเสนอเป็นข่าวใหญ่มาก รวมทั้งสื่ออื่นๆ ก็พูดถึงเขาและนำประวัติมาเขียนยกย่องยาวเหยียด

ผมขออนุญาตทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวกีฬาอาวุโส (ที่แปลว่าแก่นั่นแหละ) เขียนอำลาอาลัยให้แก่นักเตะผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ เพื่อให้แฟนบอลแฟนกีฬากลุ่มหนึ่งที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ได้ร่วมกันรำลึกถึงตำนานลูกหนังอีกท่านหนึ่งในยุคของพวกเราชาว ส.ว.

หลายท่านคงพอจำได้ว่าคนไทยเริ่มได้ยินชื่อเสียง และเห็นหน้าเห็นตานักเตะเยอรมันรายนี้มาบ้างแล้ว ในนัดชิงแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1966 หรือ พ.ศ.2509 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ

แต่ก็อาจไม่เห็นโดยกระจ่างมากนัก เพราะฟุตบอลโลกยุคนั้นอย่างเก่งก็เป็นข่าวหน้าในของหนังสือพิมพ์บ้านเรา และลงอย่างเสียไม่ได้เนื่องจากยังไม่มีคนสนใจ

คนไทยยังชอบดูมวยมากกว่า และถ้าจะดูฟุตบอลก็จะดูบอลไทย โดยเฉพาะฟุตบอลประเพณีจุฬา ธรรมศาสตร์ ยังได้พาดหัวใหญ่หน้า 1 มากกว่าฟุตบอลต่างประเทศ

นัดชิงแชมป์ปีดังกล่าวอังกฤษชนะเยอรมันไปอย่างมีข้อกังขา 4-2 และประตูที่ 3 ที่ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ของอังกฤษยิงได้นั้น ยังเป็นลูกปริศนาที่ถกเถียงกันว่าเข้าหรือไม่เข้ามาจนถึงบัดนี้

เบคเคนบาวเออร์เพิ่งอายุ 20 ปีเท่านั้นในนัดที่เตะแพ้ทีมชาติอังกฤษ

อีก 4 ปีต่อมา ซึ่งเป็นปี 1970 หรือ 2513 เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ทำให้คนไทยรู้จักฟุตบอลโลก และหันมาดูฟุตบอลโลกอย่างคลั่งไคล้กันทั่วประเทศ

อันเป็นผลพวงมาจากการนำข่าวฟุตบอลโลกมาขึ้นหัวหน้า 1 แบบหัวยักษ์ แข่งกันระหว่าง ไทยรัฐ และ เดลินิวส์ ทำให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ (รวมทั้งพิมพ์ไทยที่ผมสังกัดด้วยต้องหันมาลงข่าวตามไปด้วย)

คนไทยติดตามฟุตบอลโลกปี 2513 อย่างหลงใหลและเชียร์ทีมชาติบราซิลราวกับเชียร์ทีมชาติไทย และสมหวังเมื่อทีมชาติบราซิลเป็นฝ่ายชนะอิตาลีได้ครองแชมป์โลก

ขณะเดียวกันคนไทยก็ได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกนัดชิงแชมป์ครั้งแรกใน พ.ศ.นั้น จากแรงกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร ถ่ายทอดสดผ่านช่อง 4 บางขุนพรหม

แม้จะไม่ได้เห็นหน้าทางทีวีเพราะเยอรมันไม่ได้ชิง แต่ในการอ่านข่าวและดูภาพจากหนังสือพิมพ์ คนไทยเริ่มรู้จัก ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ มากขึ้น จากการที่เขานำทีมชาติเยอรมันน็อกอังกฤษในรอบ 8 ทีม เข้าสู่รอบ 4 ทีม แต่มาพลาดเสียทีให้แก่ทีมอิตาลี ต้องไปชิงเพียงที่ 3 ซึ่งเอาชนะอุรุกวัยไปได้ 1-0 ในที่สุด

จนกระทั่งอีก 4 ปีถัดไปคือ 1974 เยอรมันได้เป็นเจ้าภาพบอลโลกบ้างและก็คว้าแชมป์มาครองสำเร็จเมื่อพิชิตเนเธอร์แลนด์ไปได้ 2-1 และ เบคเคนบาวเออร์ ในฐานะกัปตันทีมเยอรมันก็กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลกรวมทั้งในไทยเรา

เบคเคนบาวเออร์เล่นให้ทีมชาติเยอรมันอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะไปเล่นที่สหรัฐอเมริกาแล้วก็เลิกราหันมาเป็นโค้ชทีมชาติเยอรมัน พร้อมกับนำทีมอินทรีเหล็กครองแชมป์โลกอีกครั้ง เมื่อปี 1990 ที่กรุงโรม

ทำให้เขากลายเป็น 1 ใน 3 คนของโลกเท่านั้น ที่นำทีมไปสู่แชมป์โลกทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช…ซึ่งอีก 2 คนที่ทำได้ก็คือ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ของฝรั่งเศส กับ มาริโอ ซากาโล ของบราซิล

สำหรับผมที่มีส่วนอยู่บ้างในการปลุกฟุตบอลโลกปี 2513 ให้คนไทยรู้จัก ผมขอแสดงความอาลัยความเสียใจและขอบคุณในฝีเท้าการเล่นบอล ตลอดจนความเป็นสุดยอดนักกีฬาที่มีอุปนิสัยดีงามอยู่ในวินัย เป็นแบบอย่างของเยาวชนรุ่นหลังของฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ไว้ ณ ที่นี้

เป็นสุขเป็นสุข ณ สรวงสวรรค์เถิด “เดอะไกเซอร์” ผมยืนยันได้ว่าคุณคือนักเตะในตำนานอีกคนหนึ่งที่ทำให้คนไทยหันมา “ติด” ฟุตบอลโลกอย่างงอมแงมเมื่อ 50 ปีกว่าที่แล้วมาจนถึงปัจจุบันนี้.

“ซูม”

อาลัย “เบคเคนบาวเออร์” 1ใน “ตำนาน” บอลโลก, ฟุตบอลโลก, เยอรมัน, กีฬา, เดอะไกเซอร์, ข่าว, เสียชีวิต, ประวัติศาสตร์, ซูมซอกแซก