อย่าลืม…“สวดมนต์ข้ามปี” กิจกรรม “คู่ขนาน” วันปีใหม่

ขณะผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ อุณหภูมิยามเช้าที่บ้านผมแถวๆ การเคหะแห่งชาติ “บางกะปิ” หล่นลงมาที่ 18 องศาเซลเซียส เป็นวันที่สองติดต่อกันแล้วครับ

สดชื่นรื่นรมย์อย่าบอกใครเชียว และทำให้รสชาติกาแฟที่แผงกาแฟโบราณข้างๆ สวนพฤกษชาติ คลองจั่นใกล้ๆ หมู่บ้านผมพลอยอร่อย กลมกล่อมลื่นลำคอตามไปด้วย

ดูจากที่โทรศัพท์มือถือพยากรณ์ล่วงหน้าไว้ แม้อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคมเป็นต้นไป แต่ก็จะป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 21-22 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ถือว่ายังเย็นๆ อยู่

เฉพาะคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อาทิตย์ที่ 31 ธันวาคมนั้น จะอยู่ระหว่าง 22-23 องศาเซลเซียส เย็นกว่าอุณหภูมิห้องแอร์ทั่วๆ ไปที่เรามักจะตั้งไว้ที่ 24 หรือ 25 องศา…

ก็น่าจะทำให้บรรยากาศของการเคาต์ดาวน์เป็นไปอย่างสดชื่นรื่นรมย์ กำลังดีไม่หนาวจัด หรือร้อนจัดจนเกินไป

ทำให้ผมคาดเดาล่วงหน้าว่าปีนี้จะมีผู้คนออกมาร่วมงาน “นับถอยหลัง” ตามสถานที่ที่จัดไว้อย่างยิ่งใหญ่อลังการในทุกๆ แห่งที่กล่าวถึงไว้แล้วทั่วประเทศในข้อเขียนชุดซอกแซกเมื่อ 2 วันที่แล้ว

ก็พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าในช่วงสัก 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ กิจกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถือได้ว่าเป็น “กิจกรรมคู่ขนาน” ของพิธีการ เคาต์ดาวน์ เห็นจะได้แก่ “กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี” นั่นเอง

ผมจำได้ว่าก่อนหน้าที่ กระทรวงวัฒนธรรม, กรมการศาสนา, กรมศิลปากร, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และ ฯลฯ จะออกมาแจ้งให้ทราบว่าจะมีการจัดงาน “อารามอร่าม 10 วัด”+พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

โดยจะมีการประดับไฟตามวัดต่างๆ ทั้ง 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติด้วยให้สวยสดงดงาม ในยามราตรี พร้อมกับเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเพลิดเพลินไปกับความวิจิตรตระการตา ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ถึง 2 มกราคม 2567 นั้น

ได้มีหลายๆ วัดในส่วนกลาง หรือ กทม. ของเรา ที่ได้แจ้งข่าวผ่าน เว็บไซต์ ของวัดมาแล้วว่าจะมีการจัด พิธีสวดมนต์ข้ามปี ประจำปีนี้ เช่นเดียวกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา

ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและสาธุชนเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ ซึ่งบางวัดก็จะเริ่มตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป จนข้ามไปสู่ปีหน้าฟ้าใหม่สัก 15 นาทีบ้าง ครึ่งชั่วโมงบ้างค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน

ได้แก่ 1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ 2. วัดอรุณราชวรารามฯ และ 3. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ เป็นต้น

ต่อมาก็มีรายชื่อเพิ่มเติมมาอีก ได้แก่ 4. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 5.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือ วัดภูเขาทอง และ 6. วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

ซึ่งหลายๆวั ดที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ ต่อมาได้มีรายชื่ออยู่ในโครงการ “อารามอร่าม 10 วัด” ด้วย จึงน่าจะอนุโลมได้ว่า นอกจากจะเปิดให้ไหว้พระชมแสงไฟและการประดับประดายามราตรีดังวัตถุประสงค์ที่แจ้งมาใหม่แล้ว วัดที่มีเจตนาแต่ดั้งเดิมว่าจะจัดสวดมนต์ข้ามปี อันได้แก่ วัดพระเชตุพนฯ, วัดอรุณราชวรารามฯ, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ และ วัดเบญจมบพิตรฯ ก็คงจะดำเนินกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีต่อไปตามเจตนารมณ์

ในขณะที่วัดที่มาเข้าโครงการ “อารามอร่าม 10 วัด” ซึ่งไม่ได้บอกไว้ว่าจะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีหรือไม่ อันได้แก่ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามฯ, วัดไตรมิตรวิทยารามฯ, วัดประยุรวงศาวาสฯ, วัดสุทัศนเทพวรารามฯ, วัดราชนัดดารามฯ และ วัดระฆังโฆษิตารามฯ ที่ในถ้อยแถลงที่เป็นข่าวเบื้องต้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะจัดสวดมนต์ข้ามปีด้วยหรือไม่?

ผมก็ขอเสนอผ่านกรมการศาสนา และกระทรวงวัฒนธรรม ฯลฯ ให้วัดทั้ง 10 วัดที่อยู่ในโครงการ “อารามอร่าม” ดังกล่าว จัดสวดมนต์ข้ามปีในวันที่ 31 ธันวาคม ถึง 1 มกราคมไปเสียด้วยเลย

จะได้เป็นการเพิ่มพลังของการสวดมนต์ข้ามปี จากวัดเดิมที่จัดอยู่แล้วขึ้นมาอีกหลายๆ วัดที่ล้วนแต่เป็นวัดใหญ่ และเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองทั้งสิ้น อันจะทำให้ผู้คนสนใจไปร่วมงานมากยิ่งขึ้น

หวังว่ากิจกรรมคู่ขนาน “สวดมนต์ข้ามปี” จะกระหึ่มประเทศไทยและดังไปทั่วโลก ไม่แพ้กิจกรรม “เคาต์ดาวน์” นะครับ ในคืนส่งท้ายปีเก่า 2566 ต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้.

“ซูม”

อย่าลืม...“สวดมนต์ข้ามปี” กิจกรรม “คู่ขนาน” วันปีใหม่, เคาต์ดาวน์, เทศกาล, อารามอร่าม 10 วัด, วัด, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, ข่าว, ซูมซอกแซก