แล้ว “ผม” ก็ “ติดโควิด” หน 2 ได้ “แรงใจ” จาก “หมอเชวง”

ท่านผู้อ่านคงพอสังเกตได้ว่าคอลัมน์ผมในช่วง 4 วันที่ผ่านมาเป็นข่าวหรือเรื่องราวเก่าๆ หยิบมาเล่าใหม่ หรือข่าวเก่าๆ ที่น่าสนใจ แต่เพิ่งมีโอกาสได้เขียนถึงทั้งสิ้น

เหตุเพราะผมได้รับเชิญจากบริษัท CK Power จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้สัมปทานก่อสร้างและบริหารเขื่อนไฟฟ้าพลังนํ้าที่ สปป.ลาว หลายเขื่อนให้ไปดูการก่อสร้างและการบริหารเขื่อนล่าสุดที่หลวงพระบาง

จึงตัดสินใจเขียนล่วงหน้าไว้ จะได้ไม่ต้องยากลำบากในการส่งต้นฉบับมาจากที่โน่น ซึ่งแม้เดี๋ยวนี้จะทันสมัยมากแล้ว มีระบบอินเตอร์เน็ตที่สามารถจะส่งข้อเขียนใดๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ตลอดเวลา

เผอิญว่าผมเป็นคนที่มีจุดอ่อนด้านไฮเทค มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันเสมอๆ การเขียนล่วงหน้าไว้ถึงจะแห้งไปหน่อย แต่ก็ปลอดภัย ตรงที่จะมีต้นฉบับลงตีพิมพ์ได้ครบทุกวัน

ผมก็อุตส่าห์เขียนล่วงหน้าจนครบ 4 วันได้รับความร่วมมือจากน้องๆ ฝ่ายเรียงพิมพ์ช่วยพิมพ์ให้อย่างขมีขมันจนแล้วเสร็จทันเวลา ทำให้ผมฝันหวานว่าไปเที่ยวนี้คงได้เที่ยว สปป.ลาว เต็มที่

ที่ไหนได้คืนวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม หลังตรวจต้นฉบับสุดท้าย เวลา ประมาณ 3 ทุ่ม ผมก็รู้สึกไอนิดๆ ซึ่งผมก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเวลาอากาศเย็นลงก็มักจะไอค็อกไอแค็กอยู่เสมอๆ

แต่พอดีที่บ้านมี ATK ที่ซื้อสะสมไว้ตั้งแต่ยุคโควิด-19 อาละวาด เหลืออีกเยอะ ผมก็เลยหยิบมาวัดค่าโควิดเสียตามระเบียบ ผลปรากฏว่า ผมติดโควิด-19 ครับ ขึ้นมา 2 ขีดแจ่มแจ้งชัดเจน

จึงตัดสินใจโทร.ไปบอกความจริงว่าผมติดโควิดแล้วนะ อาการไม่หนักนักอย่างนี้นะ ช่วยตัดสินใจด้วยว่าผมควรไปไหม

เพื่อนๆ ร่วมเดินทางและคณะผู้จัดเดินทางบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกไปก่อน รอให้พี่ซูมหายแล้วค่อยไปใหม่ก็ได้ ทำให้ผมได้นอนอยู่ที่บ้านสบายๆ ไปซะ 3 วัน เพราะไม่ต้องเขียนต้นฉบับอะไรเลย

นี่เป็นการติดโควิด-19 ครั้งที่ 2 ของผมหลังติดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2565 ครับ ไปตรวจรักษาที่ โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ สุขุมวิท 62

เนื่องจากผมฉีดวัคซีนมาครบ 4 เข็ม จึงไม่เป็นอะไรมากนัก 2 ขีดอยู่ 3 วัน พอวันที่ 4 ก็เหลือขีดเดียว และหายสนิทหลังจากนั้น

หมอสั่งให้ผมกินยาต้านไวรัสชื่อยาวๆ ให้หมด อย่างอื่นไม่กินก็ได้ ผมจึงเก็บยาที่เหลือไว้ จนถึงวันนี้ พร้อมกับหยิบมากินเพื่อรักษาตามอาการของการติดครั้งใหม่โดยยังไม่ได้ไปหาหมอแต่อย่างใด

พอดีได้ “แรงใจ” จากการอ่านเพจของ คุณหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจของ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เล่าว่าเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติที่ผ่านมานี้เอง ท่านมีโอกาส ดูแลรักษาคนไข้สูงอายุ อายุถึง 96 ปีถึง 2 ท่านเป็นสามีภรรยากัน

ทั้งคู่ตรวจ ATK แล้ว 2 ขีด ลูกหลานจึงนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งท่านก็ดูแลรักษาให้ตามอาการให้ยาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งยาต้านไวรัสเพียง 4-5 วันเท่านั้นก็กลับบ้านได้

ภรรยาก็เช่นกันมีไข้ต่ำเจ็บคอเล็กน้อย รักษาตามอาการ แต่ให้ โมนูพิราเวียร์ ยาต้านไวรัสด้วย ก็หายใน 4-5 วันเช่นกัน

คุณหมอมนูญจึงปรารภว่า 4 ปีที่ผ่านไป หลังการระบาดและการกลายพันธุ์ครั้งแล้วครั้งเล่าอาจเป็นไปได้ว่าเชื้อล่าสุดของโควิด-19 จะกลายพันธุ์จนเป็น ไข้หวัดธรรมดา ไปแล้ว เพราะผู้อาวุโส ทั้ง 2 ท่านที่ไม่มีประวัติฉีดวัคซีนมาก่อนเลยแถมป่วยโรคประจำด้วยยังสู้ได้ใช้เวลาแผล็บเดียวเท่านั้นในการรักษา ฉะนั้นใครติดโควิดช่วงนี้อย่าได้ตกใจ

ผมเข้าใจว่าคุณหมอท่านคงปรารภเป็นเชิงตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ได้สรุปโดยตรง เพราะการจะสรุปอะไรจากกรณีตัวอย่างแค่ 2 กรณีคงไม่อยู่ในวิสัยที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่นท่านจะด่วนสรุปเช่นนั้น

แม้จะยังต้องรอข้อเท็จจริงอีกระยะหนึ่ง แต่ผมก็ขอขอบคุณข้อสังเกตที่ท่านค้นพบ ทำให้ผู้สูงอายุอย่างผมที่ติดโควิดรอบ 2 พลอยใจชื้นขึ้น

สรุปว่า โควิด–19 ยังไม่หมดฤทธิ์นะครับ แม้จะรุนแรงน้อยลงบ้างหรืออย่างไร แต่พอเป็นแล้วก็เสี่ยง ฉะนั้นระวังไว้ จึงดีที่สุด

ช่วงนี้ถ้าผมมีนัดหมายอะไรกับใครแล้วไม่โผล่ไป ก็ขออภัยด้วยครับ ยังอยู่ระหว่างการกักตัวครับ แม้จะขีดเดียวแล้วแต่หมอก็ยังแนะนำว่าควรกักตัวอย่างน้อย 5 วัน ผมก็เลยตั้งใจจะกักสัก 7 วัน แถมให้ตัวเอง เพื่อหาโอกาสอยู่บ้านเงียบๆ นานขึ้น ว่างั้นเถอะ.

“ซูม”

แล้ว "ผม" ก็ "ติดโควิด" หน 2 ได้ "แรงใจ" จาก "หมอเชวง", โควิด 19, ไวรัส, คุณหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์, ข่าว, ซูมซอกแซก