เช็กอิน “ห้าแยกชิบูย่า” รายงานตัว “พี่หมา” กตัญญู

หัวหน้าทีมซอกแซกเขียนรายงานส่งมาตั้งแต่อยู่ที่โตเกียวแล้วว่า จุดแรกที่ทีมงานของเราไปเยือนสักการะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยและเพื่อความเป็นสิริมงคลได้แก่ “วัดอาซากุสะ” หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “วัดเซ็นโซจิ” หนึ่งในวัดเก่าแก่เคียงคู่เมืองหลวงของญี่ปุ่น

ไปญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว ในฐานะแขกเชิญของสำนักงานวัฒนธรรมของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น (ถ้าเรียกชื่อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยเพราะนานมากแล้ว) เด็กหนุ่มนักศึกษาที่กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นจ้างมาเป็นไกด์ประจำตัวหัวหน้าทีมก็พาไปที่วัดนี้เช่นกัน

อีก 2-3 ย่านที่เขาพาไป และต่อมาเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวเองก็จะต้องแวะไปรำลึกความหลังแทบทุกครั้ง ได้แก่ ย่านชินจูกุ ที่ไม่เคยหลับใหล, ย่านกินซ่า กับเสียงนาฬิกาบอกเวลาทุกชั่วโมง, แล้วก็ย่าน “ชิบูย่า” ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สุนัขผู้ซื่อสัตย์กตัญญู และมี “5 แยก” อันสับสนอลหม่านที่มีผู้คนเดินข้ามทางม้าลายมากที่สุดในโตเกียวมาแต่โบราณกาล

ดังนั้นเมื่อไปคราวนี้กับ “ครอบครัว” หัวหน้าทีมซอกแซกจึงขึ้นบัญชีไว้ว่าจะต้องกลับไปที่ ชิบูย่า อีกหนให้จงได้…เพราะได้ข่าวว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา โตเกียวเหงามากจากโรคระบาดโควิด-19 และย่านชิบูย่า ก็บางตาไปเยอะจนดูโหรงเหรงอย่างเหลือเชื่อ

ขออนุญาตไปดูชมกันหน่อยว่า “ชิบูย่า” ณ เดือนตุลาคม 2566 ที่แม้จะยังมีข่าวโควิด-19 ระบาดอยู่บ้าง แต่กลายเป็นไข้หวัดธรรมดาๆ ไปแล้วนั้น…สถานการณ์เป็นอย่างไร? กลับมาคึกคักแล้วหรือยัง?

ครอบครัวซอกแซกแว่บไปตั้งแต่บ่ายๆ แก่ๆ เพราะทราบมาว่าใกล้ๆ สถานีรถไฟชิบูย่านั้นเอง มีศูนย์การค้าแห่งหนึ่งสร้าง “สวนลอยฟ้า” คือขึ้นไปปลูกหญ้าปลูกต้นไม้สวยงามตกแต่งให้เป็นสวนขนาดใหญ่พอสมควรอยู่บนหลังคาตึก

มีรูปหล่อหรือรูปปั้นตัวการ์ตูนชุด โดราเอม่อน+โนบิตะ+ไจแอนท์ ให้ดูด้วย พร้อมกับมี ศูนย์อาหาร ที่อร่อยราคาไม่แพงนักไว้บริการ เหมาะสำหรับมื้อเย็นของเรา

สวนที่ว่านี้มีชื่อว่า MIYASHITA PARK ครับ ปักหมุดถาม “กูเกิล” แล้วเดินตามลายแทงได้เลย เมื่อออกจากสถานีชิบูย่า ซึ่งน่าจะอยู่บนประมาณชั้น 7 หรือ 8 ของตัวตึก

เขาตกแต่งบรรยากาศได้ดีและน่ารักมาก ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากหลังคาตึกให้เป็นสวนหย่อมที่ดีมาก ทีมงานของเราแวะรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหารของอาคารที่ว่านี้ก่อนมีทั้งแมคโดนัลด์, อาหารจีน, อาหารเม็กซิกัน และอาหารญี่ปุ่นหลายต่อหลายอย่างรสชาติอยู่ในเกณฑ์ดีคุ้มราคา ซึ่งไม่แพงจนเกินไปนัก

จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปที่ “ห้าแยก” หน้าสถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อเตรียมขึ้นไปนั่งบนร้าน “สตาร์บัคส์” ซึ่งอยู่ที่อาคารมุมตึกพอดี และเป็นสถานที่ดื่มกาแฟที่มีวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะจากร้านสตาร์บัคส์แห่งนี้แหละครับที่เราจะเห็นผู้คนหลายๆ พันคนเดินข้ามแยกในแต่ละช่วงไฟแดง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็จะเป็นหลายๆ หมื่นคน และถ้านั่งต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะหลายแสนคน

หัวหน้าทีมซอกแซกแยกทางชั่วคราวกับครอบครัวที่หน้าตึกสตาร์บัคส์นี่แหละปล่อยให้สมาชิกทีมงานไปเดินดูโน่นนี่ในบริเวณนั้น แต่หัวหน้าทีมเองรีบขึ้นไปชั้น 2 สตาร์บัคส์ทันที

ปรากฏว่าความสับสนอลหม่านหรือฉายาที่ฝรั่งตั้งให้ว่า The Scramble กลับคืนมาเรียบร้อยแล้วครับ ผู้คนจากไหนไม่รู้ล้นทะลักมาที่ห้าแยก “ชิบูย่า” แออัดยัดทะนานเช่นเดียวกับเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว ก่อนโควิด-19 ระบาด ที่หัวหน้าทีมซอกแซกมานั่งดูล่าสุด

เขารายงานไว้เป็นสถิติว่า ทุกๆ 2 นาทีจะมีคนเดินข้ามทางม้าลายจุดนี้ประมาณ 1,000-2,500 คน ชั่วโมงละกี่คนก็ลองคูณดูนะครับ

หลังจากนั่งดูคนเดินไปเดินมาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทีมงานที่แยกกันไปก็มาตามเพื่อเตรียมตัวไปลงรถไฟกลับบ้าน แต่เพื่อให้ได้ชื่อว่ามาเยือน “ชิบูย่า” อย่างถ่องแท้เราจะไปรายงานตัวกับ “พี่หมา” หรืออนุสาวรีย์หมาผู้ซื่อสัตย์แห่งชิบูย่ากันเสียก่อน เพื่อเป็นการแสดงความคารวะและรำลึกถึงพี่หมา “ฮาจิโกะ” ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าสถานีรถไฟมาแล้วประมาณ 98 ปี

เรื่องราวของ พี่หมาฮาจิโกะที่บันทึกไว้ข้างอนุสาวรีย์ มีใจความว่า พี่หมาเข้ามาอยู่โตเกียวพร้อมเจ้านาย อันได้แก่ ศาสตราจารย์ เอซะ บุโร อูเอโนะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว และทุกวันเมื่อศาสตราจารย์เดินจากห้องพักมาขึ้นรถไฟที่สถานีนี้เพื่อไปสอนหนังสือ พี่หมาก็จะวิ่งตามมาส่งด้วย

รอจนค่ำๆ ได้เวลาเจ้านายกลับบ้านมันก็จะวิ่งมารอรับ แล้วทั้งเจ้านายและลูกน้อง หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์ก็จะเดินคู่เคียงกันไปจากหน้าสถานีรถไฟชิบูย่าสู่บ้านพักของศาสตราจารย์ เป็นภาพที่ชาวบ้านแถบนั้นเห็นจนชินตา

แต่แล้วในวันหนึ่งในปี ค.ศ.1925 ศาสตราจารย์ อูเอโนะ ก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากโรคโลหิตในสมองแตกไม่กลับมาที่สถานีชิบูย่าอีกเลย

แม้จะมีครอบครัวอื่นรับพี่หมาฮาจิโกะไปเลี้ยง…แต่พี่หมาที่ซื่อสัตย์และกตัญญูตัวนี้ก็ยังคงวิ่งไปที่สถานีชิบูย่าทุกๆค่ำๆ เหมือนไปรอรับเจ้านายกลับจากสอนหนังสือ…วิ่งไปรับอยู่อย่างนั้นเป็น 10 ปี ก่อนที่พี่หมาจะสิ้นลมหายใจ

ชาวบ้านที่ทราบเรื่องจึงสร้างอนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงเป็นอนุสรณ์ให้แก่พี่หมา และอยู่ยั่งยืนยงมาจนบัดนี้ 98 ปีดังกล่าว

คณะของเราไปรายงานตัวพี่หมาฮาจิโกะเป็นที่เรียบร้อย ก่อนกลับบ้านและพบว่ามีนักท่องเที่ยวมายืนเข้าคิวเพื่อถ่ายภาพกับพี่หมา ยาวเหยียด แสดงว่าเรื่องราวความซื่อสัตย์กตัญญูของพี่หมาคงจะเป็นที่รับรู้ไปทั่วโลกอย่างแน่นอน

ป.ล.อนุสาวรีย์หมาที่ว่าอายุประมาณ 98 ปี แต่อายุจริงของพี่หมาครบ 100 ปีไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง มีการจัดงานรำลึก 100 ปี ให้พี่หมาด้วย เป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของญี่ปุ่นเชียวนะครับจะบอกให้.

“ซูม”

เช็กอิน, ห้าแยกชิบูย่า, รายงานตัว, พี่หมา, กตัญญู, ญี่ปุ่น, โตเกียว, หมา ฮาจิโกะ, สตาร์บัคส์, วัดอาซากุสะ, ข่าว, ท่องเที่ยว, ซูมซอกแซก, MIYASHITA PARK