“ส่งออก+ท่องเที่ยว” ทะลัก! เศรษฐกิจญี่ปุ่น “ฟื้น” เกินคาด

ก่อนไปญี่ปุ่นครั้งนี้ผมนั่งทำการบ้านล่วงหน้าพบว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวแล้ว ฟื้นอย่างรวดเร็วมากตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา พลิกความคาดหมายของกูรูเศรษฐกิจที่มองว่า เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายจะเพิ่มไม่มากนัก รวมทั้งญี่ปุ่นด้วย

ผลปรากฏว่าเป็นจริงดังที่กูรูคาดไว้ เพราะประเทศดังๆ ส่วนใหญ่เพิ่มน้อยมาก แถมบางประเทศไม่เพิ่มด้วยซ้ำ แต่ GDP ของญี่ปุ่นกลับเพิ่มแบบก้าวกระโดด พลิกล็อกการคาดหมายอยู่ประเทศเดียว

เฉพาะไตรมาส 2 ญี่ปุ่นขยายตัวถึง 3.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปีกับปีกลาย และเพิ่มถึง 0.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว 2.7 เปอร์เซ็นต์

ตัวแปรหลักที่ผลักดันญี่ปุ่นให้กระฉูดก็คือ การส่งออกกับการท่องเที่ยวนั่นเอง เฉพาะการท่องเที่ยวอย่างเดียวในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2 มีนักท่องเที่ยวทะลักเข้าญี่ปุ่นถึง 2 ล้านกว่าคน หรือประมาณเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าญี่ปุ่นในเดือนเดียวกันนี้ก่อนช่วงโควิด

ที่สำคัญก็คือในขณะที่ปริมาณหรือจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การใช้จ่ายต่อหัวกลับสูงขึ้น ทำให้ทางการญี่ปุ่นประเมินว่า รายได้ที่เป็นตัวเงินจากการท่องเที่ยวน่าจะทะลุ 100 เปอร์เซ็นต์ของช่วงก่อนโควิดไปแล้วด้วยซ้ำ

ซึ่งผมก็ไปค้นพบความจริงว่า ตัวเลขข้อมูลต่างๆ ข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ เพราะตามจุดสำคัญๆ ของโตเกียว 3-4 จุดที่ผมแวะไปในช่วง 2-3 วันมานี้แน่นเอี้ยดไปหมด

แน่นอนส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นนั่นแหละที่ไปเที่ยวกันเอง ไปเดินกันเองอยู่แล้ว แต่ที่เข้ามาเสริมจนทำให้แน่นขนัดขึ้นไปอีกอย่างว่าก็คือนักท่องเที่ยวต่างแดนนั่นแหละครับ

ก่อนโควิดนักท่องเที่ยวกลุ่มเยอะสุดที่ไปญี่ปุ่นคือ จีน ตามมาด้วย เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สหรัฐฯ แล้วก็ ไทย

แต่หลังจากนั้นจีนก็ลดลงไปแบบวูบวาบ นอกจากเรื่องโควิดแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการปล่อยน้ำเสียที่บำบัดแล้วจากโรงงานนิวเคลียร์ที่ ฟูกุชิมา ลงสู่ทะเล ส่งผลให้รัฐบาลจีนประกาศแอนตี้ไม่ให้นำเข้าปลาดิบจากญี่ปุ่น

ทำให้สะเทือนมาถึงธุรกิจท่องเที่ยวด้วย เพราะทัวร์จีนซึ่งกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นหลังโควิดก็พลอยยกเลิกการเดินทางในทันทีทันใด

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุดบอกว่า “ทัวร์จีน” กำลังจะทะลักเข้าญี่ปุ่นอีกแล้ว โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แห่งการท่องเที่ยวต้นตุลาคม หรือ Golden week ของชาวจีน มีรายงานว่าทัวร์จีนแห่ทะลักไปที่ เกียวโต โอซากา จนโรงแรมล้นแทบทุกแห่ง

แม้จนถึงเดี๋ยวนี้ทัวร์จีนก็ยังเดินทางไปญี่ปุ่นในจำนวนที่มากขึ้นและมีไปถึงโตเกียวด้วย สังเกตได้จากการที่ผมไปนั่งซุ่มพักเหนื่อยอยู่แถวๆ แยก กินซ่า, ชินจุกุ พบว่ามี ทัวร์จีน เดินผ่านผมมากที่สุด

รองลงไปและมากอย่างเหลือเชื่อน่าจะเป็นทัวร์จาก “ละตินอเมริกัน” และยุโรปซึ่งไม่ใช่อังกฤษ ฟังจากสุ้มเสียงที่เขาพูดกัน

สำหรับ “ทัวร์ไทย” เราน่าจะอยู่ในอันดับ 4 หรืออันดับ 5 โดยประมาณ คล้ายๆกับเมื่อช่วงก่อนโควิดเพราะจับกลุ่มเดินผ่านจุดที่ผมไปจอดรถเข็นมากพอสมควรทีเดียว ได้ยินเสียงเจรจาเป็นภาษาไทยอย่างน้อย 2 ภาค คือภาคกลางกับภาคใต้

สมาคมหรือชมรมธุรกิจท่องเที่ยวไทยญี่ปุ่น ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกชื่อถูกต้องหรือไม่ คาดว่าตลอดทั้งปี 2566 นี้ น่าจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปญี่ปุ่นไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านคน เท่ากับตัวเลขก่อนโควิด

ด้วย “จำนวน” ของ “ทัวร์ไทย” ที่ว่านี้ แม้จะอยู่อันดับ 4 หรือ 5 แต่ทางญี่ปุ่นเขาก็ให้เกียรติ หรืออำนวยความสะดวกให้คนไทยเราพอสมควรเลยทีเดียว มีภาษาไทยให้เห็นในหลายๆ แห่ง หลายที่

โดยเฉพาะร้านอาหารดังๆ ห้างสรรพสินค้าดังๆ จะมีป้ายบอกชื่อสินค้าเป็นภาษาไทยเห็นได้ชัดเจน หรืออย่างน้อยก็จะมีป้าย “ยินดีต้อนรับ” เขียนเป็นภาษาไทยเอาไว้ด้วย

ผมไปเจอที่ “สวนหย่อม” ใกล้ๆ บ้านพักที่มีป้ายปักไว้เป็นภาษาไทย อ่านได้ชัดเจนว่า “ห้ามทิ้งขยะ” อ่านแวบแรกก็ไม่สบายใจว่า คงมีคนไทยที่ไหนมาทิ้งขยะเอาไว้กระมัง เขาถึงเขียนภาษาไทยห้าม

ก็พอดีเห็นคำห้ามทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน แล้วก็ ภาษาไทย…จึงรู้สึกโล่งใจ ถือซะว่าเป็นการให้เกียรติประเทศไทย ด้วยการปักป้ายภาษาไทยเคียงบ่าเคียงไหล่ภาษาอื่นๆ ก็แล้วกันครับ.

“ซูม”

ส่งออก, ท่องเที่ยว, ทะลัก, เศรษฐกิจ, ญี่ปุ่น, ฟื้น, เกินคาด, โตเกียว, ทัวร์ไทย, ทัวร์จีน, ภาษาไทย, ชินจูกุ, ชิบูย่า, ข่าว,​ ซูมซอกแซก