รัฐบาลใหม่+นายกฯ ใหม่ อย่าทำให้คนไทย “ผิดหวัง”

ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับ คุณเศรษฐา ทวีสิน สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้กล่าวไปบ้างแล้วสั้นๆในการบันทึกเหตุการณ์วัน “ฤกษ์ดี” ของประเทศไทยในฉบับเมื่อวานนี้

ต้องยอมรับครับว่าผลการโหวตของสมาชิกรัฐสภาที่ออกมาด้วยตัวเลข “เห็นชอบ” ถึง 482 เสียงนั้น เป็นตัวเลขที่เกินความคาดหมายของเกจิทางการเมืองอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะตัวเลขจากฝ่าย สว. ที่ต้องการอยู่ 61 หรือ 62 เสียง ปรากฏว่าพุ่งขึ้นไปถึง 152 เสียง ทะลุเป้าไปกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว

ขณะเดียวกันก็มีเสียง “เห็นชอบ” มาจาก สส.พรรคประชาธิปัตย์ถึง 16 เสียง ที่แหกมติพรรคที่ตกลงกันว่าจะ “งดออกเสียง” มาเป็น “เห็นชอบ” …นี่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นกัน

สำหรับผมเองได้แสดงเจตนารมณ์ไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้วว่า พรรคไหนก็ได้ที่จะมาเป็นรัฐบาลผมยินดีต้อนรับทั้งสิ้น ขออย่าเป็นพรรคที่จะมาแก้ไขมาตรา 112 ก็แล้วกัน

ในฐานะคนที่เกิดในรัชสมัย ร.8 เติบโตและทำงานในรัชสมัย ร.9 รวมทั้งแก่ตัวใช้ชีวิตบั้นปลายในรัชสมัย ร.10 ผมได้ประจักษ์และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อประเทศไทยและพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้น

ดังนั้นเมื่อคิวการจัดตั้งรัฐบาลมาถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์เช่นเดียวกันว่าพรรคนี้ไม่มีนโยบายที่จะแก้ไขมาตรา 112 จึงเอาใจช่วยเต็มที่ขอให้การจัดตั้งสำเร็จ

ยิ่งเมื่อปรากฏว่า นอกจากจะตั้งได้สำเร็จแล้วยังสามารถรวบรวมพรรคที่เคยมีอุดมการณ์อยู่ตรงข้าม และเคยต่อสู้กันมาอย่างหนักหนาสาหัสในอดีตจนเป็นสาเหตุแห่งการปฏิวัติเมื่อ พ.ศ.2557 อย่างพรรค รทสช. เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยได้ ก็ยิ่งจะต้องปรบมือให้

การจับมือกัน การร่วมแรงร่วมใจกัน…การรู้รักสามัคคีซึ่งกันและกันเป็นหนึ่งในคำสอนของ “พ่อแห่งแผ่นดิน” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงกล่าวกับพวกเราเสมอๆ ในยามชาติบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤติและมีการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเกิดขึ้น

ทำให้ความขัดแย้งยุติลงได้หลายต่อหลายครั้งในอดีต

เมื่อพรรคการเมืองที่อดีตเคยอยู่คนละฝักคนละฝ่าย และต่อสู้กันมาอย่างรุนแรง “สลายขั้ว” หันมาจับมือกันได้เช่นนี้ ผมจึงมองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของประเทศไทย

ขณะเดียวกันพรรคอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมต่างก็แสดงความตั้งใจที่ดี หวังจะช่วยกันกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยที่บอบชํ้า จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกทรุดและซวดเซอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าทั่วโลกเมื่อ ศ.ศ.1930 หรือ พ.ศ.2473 ในอดีตกาล

ฟังๆ บทสัมภาษณ์ของทุกพรรคล้วนเป็นไปในแง่บวก ล้วนตั้งใจที่จะมาทำงาน ผมก็หวังว่าจะบวกและตั้งใจเช่นนี้ต่อไปโดยตลอด

สำหรับคุณ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยนั้น กล่าวไปแล้วก็มีความสามารถ มีความรู้ มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการดำเนินการธุรกิจดังที่ทราบกันอยู่

ผมก็หวังว่าท่านจะได้นำความรู้ นำประสบการณ์ของท่านมาใช้ในการเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศไทยต่อไปนับแต่นี้

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าที่ใหญ่หลวง และปัญหาโครงสร้างต่างๆ ของประเทศที่สะสมกันมายาวนาน โดยเฉพาะทางซีกข้าราชการที่จำเป็นต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะอย่างยิ่งในการบริหารจัดการ…ไม่เหมือนภาคธุรกิจเอกชนที่คุณเศรษฐาถนัด

แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น…และความตั้งใจจริงอยู่ที่ไหน ทุกอย่างย่อมเดินไปข้างหน้าได้ไม่มากก็น้อย

ขออย่างเดียว อย่าคอร์รัปชันอย่าโกงกิน (หมายถึงรัฐบาลทั้งคณะ) และขอให้รักใคร่กลมเกลียวอย่างที่แสดงออกในช่วงนี้ไปตลอดควบคู่ไปกับ การทำงานอย่างขยันขันแข็ง…ทุกสิ่งทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นมาเอง

และที่สุดของที่สุด ผมขอให้โชคดีนะครับ คุณ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

เพราะถ้าคุณเศรษฐาโชคดี บริหารกิจการบ้านเมืองได้ดี…ผลแห่งความดีทั้งหลายก็จะตกอยู่กับประเทศไทยและอยู่กับประชาชนตาดำๆ อย่างพวกเรานี่แหละครับ.

“ซูม”

รัฐบาลใหม่, นายกรัฐมนตรี, ใหม่, คนไทย, ผิดหวัง, เศรษฐา ทวีสิน, คนที่ 30, ประเทศไทย, คอร์รัปชัน, โกงกิน, พรรคการเมือง, ข่าว, ซูมซอกแซก