สหรัฐฯ ขยาย “เพดานหนี้” “ข่าวดี” ในท่ามกลาง “ข่าวร้าย”

ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ช่วงบ่ายๆ ของวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งเป็นเวลาดึกๆ ของคืนวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน ที่สหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจของสื่อออนไลน์ระดับโลกยังคงพาดหัวยักษ์ว่าตลาดหุ้นที่นิวยอร์กพุ่งกระฉูด หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายขยายเพดานหนี้แบบเรียบร้อยโรงเรียนไฮสกูล

ดาวโจนส์ กระโจนพรวดถึง 701 จุด ปิดที่ 33,763 จุด เอสแอนด์พี 500 ก็กระโดด 61 จุด ปิดที่ 4,282 จุด ในขณะที่ แนสแดก ตลาดหุ้นไฮเทคก็บวก 140 จุด ปิดที่ 13,241 จุด

เป็นผลมาจากการคลายวิตกกังวลครั้งใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนสหรัฐฯ อึดอัดมาหลายสัปดาห์ เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กู้เงินเต็มเพดานหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้แล้ว หากไม่ขยายเพดานเงินกู้ออกไปอีก อาจจะไม่มีเงินชำระหนี้ก้อนใหญ่ที่ตอนแรกบอกว่าจะมาถึงในวันที่ 1 มิถุนายน

จะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ อาจถูกลดเครดิตอันจะเป็นผลให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้นในการกู้งวดหน้าตามมาด้วยข้อเสียหาย ในทางเศรษฐกิจอีกนานัปการ

รวมทั้งจะไม่มีเงินจ่ายพนักงานของรัฐต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุนโครงการโน่นนี่นั่นอีกจำนวนมาก

รัฐบาลจึงเตรียมร่างกฎหมายขอขยายเพดานหนี้ต่อรัฐสภา ซึ่งจะต้องผ่านทั้ง 2 สภาคือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา

ขั้นต้นต้องผ่านด่านหินเพราะเสียงสมาชิกส่วนใหญ่เป็นของฝ่ายค้าน หรือพรรครีพับลิกันให้ได้ก่อน จึงเริ่มมีการเจรจาระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน กับประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นระยะๆ

ว่ากันหลายยกตกลงกันไม่ได้เสียที ท่ามกลางความระทึกใจของกองเชียร์ที่เอาใจช่วย ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก เนื่องจากถ้าตกลงกันไม่ได้ ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ละก็ไม่เพียงแต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่านั้นที่จะเสียหาย ยังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมหาศาล

แม้ต่อมาท่านรัฐมนตรีคลัง เจนเน็ต เยนเลน จะออกมาบอกว่าเส้นตายจากการตรวจสอบ ล่าสุดยังยืดได้อีกหน่อยคือ เป็นวันที่ 5 มิถุนายน แต่ถ้ายังเจรจายืดเยื้อก็อาจไม่ทันกาลเช่นกัน

ในระหว่างเจรจาก็มีทั้งข่าวว่าจะตกลงกันได้แล้ว ไปจนถึงข่าวว่าแม้ตกลงได้แต่อาจโดนสมาชิกสภาสาย “เหยี่ยว” คว่ำกฎหมายกลางสภาสลับกันไปมา ทำให้ตลาดหุ้นตลาดน้ำมันขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา

แต่ในที่สุดก็ผ่านสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียง 314 ต่อ 117 และรุ่งขึ้นอีกวันก็มาผ่านวุฒิสภาด้วยเสียง 63-36

มีข้อตกลงที่สำคัญก็คือรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถกู้เงินได้เพิ่มขึ้นอีกไปจน ถึงเดือนมกราคม 2568 หรือประมาณอีก 2 ปี จากนี้ไป โดยมีเงื่อนไขรายละเอียดห้อยท้ายเอาไว้หลายข้อเพื่อมิให้รัฐบาลกู้เงินหรือใช้จ่ายเงินโดยอำเภอใจ

ผลที่เกิดขึ้นฉับพลันก็คือสามารถกู้เงินมาชำระหนี้ที่ถึงกำหนดได้และมีเงินจ่ายพนักงานราชการจำนวนหนึ่งได้ต่อไป

ทั่วโลกที่หวาดผวาว่าจะเกิดผลกระทบจากการที่สหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้ก็เบาใจไปเปลาะหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มิได้หมายความเศรษฐกิจโลกโดยรวมจะพลอยดีขึ้นจนถึงขั้นสบายอกสบายใจได้อย่างเต็มที่นะครับ

เพราะปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองก็ยังมีอีกแยะ เรื่องเงินเฟ้อก็ยังไม่สะเด็ดนํ้า และยังพูดกันอยู่ว่าควรจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือไม่เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อให้อยู่หมัดเสียที?

ปัญหาเรื่องธนาคารล้ม แม้จะเงียบไป แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังจะมีปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมโผล่ขึ้นมาอีกหรือไม่

ในขณะที่ปัญหา “สงคราม” รัสเซีย ยูเครนก็ยืดเยื้อต่อไป และยังสู้กันหนักข้อ อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ข่าวดีจากสหรัฐฯ ข่าวนี้จึงไม่การันตีว่าเศรษฐกิจโลกจะพลิกผันไปในทางที่ดีแบบทันตาเห็น โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรปซึ่งยังโงศีรษะไม่ขึ้นจาก ผลกระทบโควิด-19 และจากสงครามรัสเซียยูเครนยังน่าห่วงมาก

จึงยังจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะในระหว่างประเทศเราจัดตั้งรัฐบาลอยู่นี้…ขอฝากให้ฝ่ายข้าราชการประจำทั้งหมด รวมทั้งแบงก์ชาติซึ่งผมถือว่าเป็น “ภาครัฐ” ด้วย โปรดติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจโลก และการเงินโลกอย่าให้คลาดสายตา

นักเรียนเศรษฐศาสตร์ตกรุ่นอย่างผม ซึ่งห่างไกลทั้งข้อมูล และตำรายุคใหม่ แต่ประสาท “ที่หก” หรือ “ซิกซ์เซ้นส์” ยังดีอยู่…รู้สึกเขม่นตาว่าปัญหาเศรษฐกิจโลก ไม่น่าจะหมดง่ายๆ นะโยม!

“ซูม”

สหรัฐฯ ขยาย “เพดานหนี้” “ข่าวดี” ในท่ามกลาง “ข่าวร้าย”, เศรษฐกิจ, โลก, สงคราม, รัสเซีย, ยูเครน, ตลาดหุ้น, ดาวโจนส์, ซูมซอกแซก