เพลงของ “เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย์ ที่ผมชอบมากเพลงหนึ่ง มีท่วงทำนองออกไปทางลูกทุ่ง จังหวะค่อนข้างเร็ว “เต้น” ก็ได้ “เซิ้ง” ก็ได้ เวลาออกกำลัง ผมชอบเปิดคลอไปด้วยอยู่เสมอๆ
ซึ่งเพลง “แฟนจ๋า” ไงครับ…ที่มีบางช่วง บางตอน เบิร์ดจะร้องเป็นภาษาท้องถิ่นเหนือ-อีสาน-ใต้ ตอบโต้ไปกับสาวๆ ที่มาร้องร่วมด้วย 3 นาง ได้แก่ จินตหรา พูนลาภ, แคทรียา อิงลิช และ นัท มีเรีย
ที่ผมเขียนถึงเพลงนี้ในวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาชวนให้ท่านผู้อ่านไปเข้ายูทูบเพื่อเปิดฟังหรอกครับ
แต่ตั้งใจจะขอยืม “คำท้องถิ่น” 3 คำจาก 3 ภาคในเพลงนี้มาฝากพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศให้นึกถึงคำทั้ง 3 อยู่ตลอดเวลา ขณะที่การหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ กำลังเข้มข้นอยู่ในขณะนี้
คำแรก ก็คือคำว่า “ขี้ตั๋ว”…ซึ่งในเนื้อร้องจะร้องว่า “ขี้ตั๋วเบเบ๋…ขี้ตั๋วตาลาลา” โดย จินตหรา พูลลาภ ตัวแทนของภาคอีสาน
คำที่สอง “ขี้จุ๊” ซึ่งร้องว่า “ขี้จุ๊เบเบ๋…ขี้จุ๊ตาลาลา” โดย แคทรียา อิงลิช ในฐานะตัวแทนภาคเหนือ
ส่วนคำที่สาม “ขี้ฮก” ก็จะร้องในทำนองเดียวกันว่า “ขี้ฮกเบเบ๋… ขี้ฮกตาลาลา” โดย นัท มีเรีย ตัวแทนของสาวภาคใต้
ทั้ง 3 คำนี้…“ขี้ตั๋ว, ขี้จุ๊ และ ขี้ฮก” ผมเปิดพจนานุกรมภาษาถิ่น แปลเหมือนกันเป็นภาษาไทยกลางได้ว่า โกหก, โป้ปด, มดเท็จ, ไม่จริง ฯลฯ
เหตุที่ทั้ง 3 สาวจาก 3 ภาค ต้องใช้ภาษาถิ่นกับพี่เบิร์ดก็เพราะพี่เบิร์ดไปร้องเพลงจีบแต่ละสาวนั่นเอง
เขยิบมาใกล้ๆ หน่อย เราเป็นเนื้อคู่กันนะ…พี่รักน้องจริงไม่ได้หลอกนะ เป็นคนรักเดียวใจเดียวนะ ฯลฯ
ทำให้ทั้ง 3 สาวต้องออกมาตอบโต้ว่าพี่เบิร์ดเนี่ย ขี้ตั๋ว, ขี้จุ๊ แล้วก็ขี้ฮก น้องๆ ไม่ยอมเชื่อคำพูดของพี่หร้อก
นี่ผมขอยืมถ้อยคำจากทั้ง 3 สาวมาเตือนท่านผู้อ่านในวันนี้ ก็เพื่อจะให้ระวังคำพูดคำจาและนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ให้ดีๆ
อย่าไปเชื่อคำหวาน คำโอ้อวดของพวกเขาเสียทั้งหมด
โดยเฉพาะพรรคหลายพรรคที่ทำเป็นใจดี หรือเป็นอาเสี่ยใหญ่จะแจกโน่น ลดนี่ สารพัด ราวกับพิมพ์แบงก์ได้เอง ฯลฯ ผมว่าเข้าข่าย “ขี้ตั๋วเบเบ๋,” “ขี้จุ๊เบเบ๋” หรือ “ขี้ฮกเบเบ๋” เสียละมาก
การจะเอาเงินหลวงออกมาแจกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะจะต้องดูก่อนว่า หลวงมีเงินพอหรือเปล่าในขณะนั้น
ถ้าไม่พอแล้วยังไปเอามาแจกจะมีผลกระทบต่อวินัยการคลังของประเทศ หรือไม่อย่างไร?
การเอาเงินหลวงมาแจก แม้ในทางทฤษฎีจะทำได้ แต่เขาก็จะทำเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
เช่นในช่วงเศรษฐกิจทรุดสุดกู่ ถ้าไม่แจกไม่ปั๊มเงินลงไปจะไม่มีการเคลื่อนไหว และจะหนักหนาสาหัสลงทุกวัน นั่นแหละจึงสมควรแจก
แต่เมื่อแจกแล้วก็ต้องดูหลักการด้วยว่าชอบธรรมไหม? เพราะอย่างไรเสียเงินที่แจกก็จะต้องชดใช้ด้วยภาษีอากรของคนไทยทั้งชาติในอนาคตอยู่ดี
หลายๆ ประเทศเขาจึงเลือกแจกผ่านระบบสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้ถึงมือคนที่สมควรดูแล หรือคนยากจนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ฯลฯ เท่านั้น
ไม่ใช่แจกทุกคนตั้งแต่เจ้าสัวไปจนถึงยาจก ใครมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นแจกหมดอย่างที่พรรคการเมืองบ้านเราจะทำ
นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ ณ บัดนี้ พ้นขีดอันตรายหรือยัง…ถ้าพ้นแล้วเพราะเศรษฐกิจสามารถฟื้นได้ด้วยตัวของมันเอง แล้วก็ไม่ควรแจกต่อไปอีก
สำหรับบ้านเราเมื่อพิจารณาด้วยสถานการณ์รอบด้าน น่าจะผ่านขั้นตอนวิกฤติสุดไปแล้ว ไม่สมควรต้องแจกอะไรอีกแล้ว
เมื่อหลายๆพรรคขณะนี้ยังหาเสียงจะแจกโน่นแจกนี่กันอีก เราจึงต้องฟังหูไว้หูพร้อมกับสันนิษฐานไว้ก่อนว่า
พรรคที่ชอบแจกเหล่านี้กำลังจะมาจีบเรามาเอาใจเรา หรือทำอะไรสักอย่างให้เราหลงใหลเหมือนพี่เบิร์ดในเพลง “แฟนจ๋า” หรือไม่?
ฉะนั้น เราจึงต้องสวมวิญญาณของ 3 สาวแล้วร้องพร้อมๆ กันว่า “ขี้ตั๋วเบเบ๋” “ขี้จุ๊เบเบ๋” และ “ขี้ฮกเบเบ๋”…หรือไม่ก็ใช้ภาษากลางตรงไปตรงมาเสียเลยว่า “รู้ทันนะเฟ้ย…อย่ามาโกหกตู”.
“ซูม”