สัมพันธ์ “ใหม่” ไทย–ซาอุฯ มาพร้อมเพลง “ครูไวพจน์”

มีเรื่องที่ค่อนข้างบังเอิญประการหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวผมเอง เมื่อสัก 2 สัปดาห์ที่แล้ว…เริ่มจากข่าวที่ว่าประเทศไทยของเราได้สูญเสียนักร้องลูกทุ่งระดับบรมครูไปถึง 2 ท่าน ได้แก่ ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ กับครูศรเพชร ศรสุพรรณ นั่นเอง

ในฐานะแฟนเพลงลูกทุ่งคนหนึ่ง ผมได้เขียนถึงทั้ง 2 ท่าน และเข้ายูทูบไปค้นหาเพลงที่ทั้ง 2 ท่านร้องไว้เพื่อมาประกอบการเขียน

ก็ไปเจอว่าหลายปีมาแล้วทั้ง 2 ท่านได้นำเพลงของคุณ แอ๊ด คาราบาว ซึ่งเป็นชาวสุพรรณบุรีด้วยกันไปร้อง…(สมัยใหม่เรียกกันว่า Cover) อยู่ชุดหนึ่ง ตั้งชื่อไว้ว่าชุด “มันส์ยกนิ้ว”

ผมฟังแล้วเห็นด้วยว่ามันส์ยกนิ้วจริงๆ จึงนำมาเขียนถึงเป็นเชิงแนะนำเพลงชุดนี้ที่มีคนรักเพลงนำมาหย่อนลงยูทูบ หลังจากทั้ง 2 ท่าน ถึงแก่กรรมแล้ว…มาถึงวันนี้มีคนเข้าฟัง 9 แสนกว่าวิวแล้วครับ…หวังว่าจะถึง 1 ล้านวิวในเร็วๆ นี้

ที่ผมเรียนว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็เพราะคุณครูไวพจน์ได้นำเพลงของ “คาราบาว” ที่ชื่อว่า “ซาอุดร” มาร้องไว้ด้วย…ด้วยลีลาและลูกเล่นของครูที่ผมชอบมาก ขณะเดียวกันก็นึกถึงความหลังยุคที่การไปทำงานตะวันออกกลางฮิตมาก โดยเฉพาะ ซาอุดีอาระเบีย ฮิตที่สุด ถือเป็นประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและแรงงานของประเทศไทยเลยทีเดียว

ในเนื้อเพลงบรรยายว่าผู้ร้อง อันได้แก่ น้าแอ๊ดในต้นฉบับดั้งเดิม และครูไวพจน์ในฉบับ Cover อุตส่าห์ขายนาขายที่เพื่อไปซื้อตั๋วเครื่องบินจะไปซาอุฯ และสั่งเสียภรรยาไว้เป็นอย่างดีว่าให้รักนวลสงวนตัวรอพี่นะจ๊ะ…แต่ปรากฏว่าเครื่องบินพาขึ้นจากกรุงเทพฯ ไปส่งที่จังหวัดอุดรธานีเสียนี่

แทนที่จะไป “ซาอุดีอาระเบีย” ครูไวพจน์กลับได้ไป “ซาอุดร” แทน ต้องออกมาครวญเพลงตัดพ้อโชคชะตาอย่างน่าเห็นใจ

ที่ผมใช้คำว่า “บังเอิญ” ในบรรทัดแรกของข้อเขียนวันนี้ก็เพราะขณะที่ฟังเพลง “ซาอุดร” ฉบับ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ อยู่นั้นเอง…ก็มีข่าวหน้า 1 ว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ของเราเดินทางไปซาอุดีอาระเบียตามคำเชิญของเจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร และรองนายกรัฐมนตรีของประเทศดังกล่าว

ได้รับการต้อนรับถึงขั้นปูพรมสีม่วง ที่ถือว่าให้เกียรติสูงสุดตามธรรมเนียมของซาอุดีอาระเบีย ที่ใช้พรมสีม่วงแทนสีแดงมาหลายปีแล้ว…เลยทีเดียว

จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็แถลงถึงการฟื้นฟูสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียที่หมองหมางกันมาถึง 30 ปี จากเหตุอื้อฉาวต่างๆ ที่เราไปก่อไว้กับเขา…จนถึงขั้นเขาไม่ออกวีซ่าให้แก่แรงงานไทย

ซึ่งจากนี้เป็นต้นไป ทั้ง 2 ประเทศจะลืมความหลังหันมาจับมือกันเดินไปข้างหน้า เริ่มจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติ และจะมีการส่งเสริมการนำแรงงานไทยไปซาอุฯ อีกครั้ง รวมทั้งจะส่งเสริมด้านอื่นๆ ด้วย เช่น การลงทุน การค้าขาย การท่องเที่ยว และ ฯลฯ

แน่นอน…ต้องถือว่าข่าวนี้เป็นข่าวดีอย่างยิ่งของประเทศไทย เพราะเท่ากับเราจะได้ประเทศที่ร่ำรวยมีเงินทอง มีกำลังซื้อสูง และมีการจ้างงานสูงที่เคยเป็นคู่ค้าทั้งด้านค้าขายทั่วไปและการท่องเที่ยวกลับคืนมาอีกครั้ง

แต่ในท่ามกลางข่าวดีนั้นก็มีประเด็นที่จะต้องระมัดระวัง เพราะเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตดังเพลง “ซาอุดร” ที่ครูไวพจน์ท่านร้องไว้ และมีผู้รักและอาลัยในเสียงเพลงของท่านได้นำมาลงยูทูบไว้อีกครั้งดังกล่าว

แม้เนื้อร้องและลีลาการร้อง ทั้งฉบับแอ๊ดและครูไวพจน์จะแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน แต่ก็ชี้ให้เห็นถึงการโกง การเอารัดเอาเปรียบ หลอกลวง แรงงานไทยในยุคก่อน ที่มีมากเหลือเกิน

ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าในทำนอง “ขาไปเสียนา กลับมาเสียเมีย” ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมายในชนบทไทย

ระหว่างอยู่ที่โน่นก็มีขบวนการพนันต่างๆ ไปหลอกล่อแรงงานไทยจนลุ่มหลงต้องกลายเป็นหนี้พนันกลับมาเสียอีก

ก็ขอฝากเรื่องใน “มุมมืด” แห่งอดีตไว้พิจารณาด้วยนะครับ…ว่าสัมพันธภาพยุคใหม่ ต้องใหม่จริงๆ…ใหม่ทั้งเรื่องของการจ้างงาน ซึ่งน่าจะเป็นแรงงานคุณภาพสูงมากขึ้น และการค้าการธุรกิจ การลงทุนอื่นๆ ก็จะเป็นการลงทุนที่ทันสมัยมากขึ้น

ขอบคุณที่ทราบว่าทางการไทย ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และ ฯลฯ กำลังเตรียมแผนที่จะใช้ประโยชน์จากการฟื้นฟูครั้งนี้อย่างเต็มที่ อย่างถูกต้อง และเป็นธรรมแก่ทุกๆ ฝ่าย

ที่สำคัญจะไปซาอุฯ กันอีกหน ต้องไปซาอุดีอาระเบียเด้อ…ไม่ใช่โดนหลอกไปลงที่ซาอุดรฯ หรือโดนหลอกเรื่องอื่นๆ เสียชื่อประเทศไทยแย่เลย.

“ซูม”

ข่าว, ซาอุดิอาระเบีย, ความสัมพันธ์, คาราบาว, ซาอุดร, แรงงาน, ซูมซอกแซก