ทำไงดี “ประชากรไทย” “เด็กลด คนแก่เพิ่ม” ต่อเนื่อง

แม้ข่าวที่ผมจะหยิบมาเขียนวันนี้จะมิใช่ข่าวใหม่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศเรา ที่มีการพูดถึงเขียนถึงบ่อยๆ ครั้งอยู่แล้วในช่วง 2–3 ปีมานี้ แต่ทุกครั้งที่มีการ “อัปเดต” ข้อมูลหรือตัวเลขล่าสุด ผมก็อดเสียมิได้ที่จะนำมาเขียนบอกกล่าวให้ท่านผู้อ่านทราบ เพราะสำนึกอยู่เสมอว่าตัวผมเองก็มีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น

ปัญหาเรื่องเด็กเกิดใหม่น้อยลง ในขณะที่คนแก่ก็อายุยืนขึ้น…ทำให้ประเทศไทยของเราต้องกลายเป็นประเทศที่มีคนหนุ่มสาวที่จะเป็นแรงงานของชาติน้อยลง แต่มีประชากรอาวุโสที่จะกลายเป็นภาระของชาติมากขึ้น…นั่นแหละครับ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเพิ่งรายงานผลสำรวจประชากรเด็กและวัยรุ่นล่าสุดว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือจากปี 2553 ถึงปี 2563 ประชากรเด็กและวัยรุ่นได้ลดจาก 17.2 ล้านคน เหลือ 15.1 ล้านคน

ทำให้สัดส่วนของประชากรเด็กและวัยรุ่นต่อประชากรทั้งหมดของประเทศเราคิดเป็นร้อยละ 23.3 เท่านั้น ต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์

ขณะเดียวกัน เมื่อมองถึงแนวโน้มในอนาคตก็พบว่า จะยังลดต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ.2573 จำนวนประชากรเด็กและวัยรุ่นของเราจะเหลือเพียง 13.7 ล้านคนเท่านั้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานด้วยว่า ในจังหวัดทั้งหมดของประเทศไทย ขณะนี้มีถึง 61 จังหวัด ที่ประชากรเด็กและวัยรุ่นลดลง…โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคเหนือ

จังหวัดที่เป็นแชมป์เด็กและวัยรุ่นลดสูงสุดก็คือ จังหวัดแพร่ ครับ ลดถึง 25.2 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ส่วนจังหวัดที่มีเด็กเพิ่มมีเพียง 16 จังหวัดเท่านั้น…ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้

ซึ่งต้องขอขอบคุณ จังหวัดระนอง ของภาคใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ในฐานะที่เป็นจังหวัดมีประชากรเด็กและวัยรุ่นเพิ่มสูงสุดของประเทศคือประมาณ 20.9 เปอร์เซ็นต์

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจังหวัดที่ลดลงมีมากกว่าจังหวัดที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า ประชากรเด็กและวัยรุ่น โดยรวมของประเทศจึงมีแนวโน้มที่จะลดลงไปเรื่อยๆ ด้วยประการฉะนี้

ที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นว่า ผมเองก็น่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้เกิดปัญหาอันใหญ่หลวงในประเด็นนี้ด้วยนั้น ก็เพราะผมได้เขียนสนับสนุนนโยบาย “ลูกมากยากจน” ของรัฐบาลไทยในอดีตมาตลอด

ตั้งแต่ พ.ศ.2516 เป็นต้นมาที่มีการรณรงค์ให้ประชาชน “วางแผนครอบครัว” มีลูกแค่ 2 คน ทั้งโดยกระทรวงสาธารณสุขและโดยองค์กรเอกชน ที่มีคุณ มีชัย วีระไวทยะ เป็นแกนนำนั้น…มีโอกาสเมื่อไร ผมจะเขียนให้อยู่เสมอๆ

ดังนั้น เมื่อทุกวันนี้เกิดสถานการณ์แปรเปลี่ยน ประเทศไทยจำเป็นจะต้องเปลี่ยนนโยบายจาก “ลูกมากยากจน” มาเป็น “มีลูกกันเถอะเพื่อเห็นแก่ชาติ” ผมจึงอยากจะไถ่ความผิดของผมว่างั้นเถอะ

เห็นข่าวเรื่องนี้ปุ๊บต้องรีบนำมารายงานต่อพร้อมกับเขียนเชิญชวนทันที อยากให้หนุ่มๆ สาวๆ หรือท่านที่อยู่ในวัยกลางคนที่พอจะมีบุตรมีธิดาได้ รีบมีบุตรมีธิดากันเถิด

ใครยังไม่ได้แต่งงานก็ให้รีบๆ แต่งงานกันเสียโดยเร็ว

เมื่อแต่งงานแล้วก็ขอให้รีบมีลูกโดยเร็วเท่าที่คุณจะสามารถมีได้ อย่าได้เตะถ่วงเวลาเอาไว้เป็นอันขาด

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ขณะนี้หนุ่มสาวชาวไทยครองตัวเป็นโสดกันมาก โดยเฉพาะสาวไทย ซึ่งจากตัวเลขล่าสุดนอกจากจะมีหญิงมากกว่าชายแล้ว ก็ยังปรากฏว่าฝ่ายหญิงยังครองตนเป็นโสดมากกว่าชายเสียอีก

กระทรวงสาธารณสุขเคยมีโครงการ “จับคู่คนโสด” หรือ “คนโสดมีตติ้ง” ก็ไม่ทราบว่าไปถึงไหนแล้ว จะช่วยได้แค่ไหนก็ไม่รู้

ยังไงก็ต้องเร่งๆ เครื่องกันหน่อยละกระทรวงสาธารณสุข เพราะเมื่อ “ตอนลด” ก็เพราะท่านนั่นแหละที่ทำงานเก่งมาก จนลดได้ทะลุเป้าหมาย

ฉะนั้นเมื่อจะกลับมาเพิ่ม ผมก็เชื่อว่าท่านจะมีความสามารถทำให้ประชากรของเราเพิ่มได้อีกครั้ง

เรื่องนี้ อสม.จะช่วยได้ไหมครับเนี่ย…คือนอกจากจะดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยของชาวบ้านแล้ว ผมก็ถือโอกาสฝากให้เป็นแม่สื่อพ่อสื่อในระดับหมู่บ้านไปด้วยอีกหน้าที่หนึ่งก็แล้วกัน.

“ซูม”

ข่าว, ประชากรไทย, เด็ก, คนแก่, ปัญหา, เด็กเกิดใหม่, ลูกมากยากจน, วางแผนครอบครัว, กระทรวงสาธารณสุข, ซูมซอกแซก