ผมขออนุญาตเขียนเยียวยาความเจ็บปวดของตัวเอง หรือ “ไถ่ความผิด” ให้แก่ตัวผมเองต่อจากเมื่อวานอีกสักวันนะครับ เพราะเงยหน้าขึ้นมองปฏิทินแล้วพบว่าขณะที่นั่งเขียนตรงกับบ่ายๆ ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์พอดิบพอดี เขียนต่อจากเรื่องเมื่อวานน่าจะเข้าบรรยากาศที่สุด
ที่ผมเรียนท่านผู้อ่านว่าผมรู้สึกผิดอยู่บ้างที่มีส่วนร่วมในการรณรงค์เรื่องวางแผนครอบครัวตามสโลแกนเมื่อ 50 ปีที่แล้วว่า “ลูกมากจะยากจน” เพื่อลดอัตราการเพิ่มประชากรซึ่งสูงมากถึงร้อยละ 3 ต่อปีใน พ.ศ.นั้น
จนเป็นห่วงกันว่าประชากรจะล้นประเทศ จะไม่มีที่ดินทำกิน จะไม่มีโรงเรียนให้เรียน จะไม่มีโรงพยาบาลให้รักษา ฯลฯ
มีการรณรงค์ขนานใหญ่ มีการระดมทำหมันบ้าง แจกถุงยางอนามัยบ้าง แจกยาเม็ดคุมกำเนิดบ้าง ฯลฯ แพร่หลายไปทั่วประเทศ ซึ่งผมเองก็เอากับเขาด้วย หยิบประเด็นต่างๆ มาช่วยเขียนผ่านคอลัมน์นี้หลายครั้ง
วันหนึ่งโกรธ คุณ มีชัย วีระไวทยะ เพื่อนที่เคยทำงานอยู่สภาพัฒน์ด้วยกัน แต่ชิงลาออกมาทำงานด้านวางแผนครอบครัวเต็มตัว โดยเฉพาะการรณรงค์แจกถุงยางซึ่งคุณมีชัยแกแจกแม้ในโต๊ะอาหาร
ผมแม้จะเห็นด้วยกับหลักการแต่ก็วิตกว่าการแจกถุงยางแบบไม่เลือกเวลาและสถานที่ของคุณมีชัย อาจจะเป็นผลให้คนต่อต้านโครงการนี้ ก็เลยเอามาเขียนเป็นเชิงเหน็บแนมแกมประชดตามสไตล์เหะหะพาที
ทิ้งท้ายคอลัมน์ทำนองว่าถ้าคุณมีชัยยังไม่หยุดแจกแบบนี้ เดี๋ยวผมยุให้ประชาชนเอาชื่อคุณ “มีชัย” ไปใช้แทนคำว่า “ถุงยาง” เสียเลย
เพราะช่วงนั้นยังหาคำที่เหมาะสมไม่ได้ เนื่องจากจะเรียก “ถุงยางอนามัย” ก็ยาวเกินไป จะเรียก “ปลอก” สั้นๆ ได้ความหมายที่สุดแบบชาวบ้าน คนก็หาว่าหยาบเกินไป
ต่อไปให้เรียก “ถุงมีชัย” ซะเลยดีไหม? ไม่ยาวมาก และฟังไพเราะดีด้วย ผมจบคอลัมน์แบบตั้งใจประชด แต่แทนที่คุณมีชัยจะโกรธกลับรับมุก ประกาศให้ใช้ชื่อ “มีชัย” เป็นคำเรียกแทนถุงยางด้วยความยินดีซะงั้น
ส่งผลให้คำว่า “มีชัย” มีความหมายว่า “ถุงยางอนามัย” ตั้งแต่นั้นมา
แม้ว่าโดยข้อเท็จจริงความสำเร็จของโครงการนี้ที่ทำให้อัตราเพิ่มประชากรของประเทศไทยลดฮวบฮาบเหลือแค่ร้อยละ 0.18 (ต่ำสุดในอาเซียน)ในปัจจุบัน เป็นเพราะความสามารถของกระทรวงสาธารณสุขและสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนของคุณมีชัย วีระไวทยะ และอื่นๆโดยตรง
ที่ผมช่วยรณรงค์น่ะไม่ถึงเศษเสี้ยวอะไรหรอก แต่ก็อดรู้สึกผิดเล็กๆ เสียมิได้ ที่ต่อมาภายหลังเรื่องราวกลับกลายเป็นว่าการที่ประชากรลดอย่างฮวบฮาบนั้นเป็นผลมาจากความสำเร็จที่มากเกินไปของโครงการนี้จนเกิดปัญหาแก่ประเทศไทยสารพัด
ตั้งแต่ปัญหา “สังคมผู้อาวุโส” ปัญหาโรงเรียนไม่มีเด็กนักเรียนเรียน ปัญหาประเทศไทยจะขาดแคลนแรงงานในอนาคต ฯลฯ
รัฐบาลท่านถึงต้องหันมาวางนโยบายใหม่เชิญชวนให้คนไทยเราช่วยกันเพิ่มอัตราเกิดของประเทศไทยก่อนที่ปัญหาจะหนักไปกว่านี้
นอกจากสาเหตุของการวางแผนครอบครัวหรือการคุมกำเนิดที่ทำให้ประชากรไทยลดลงแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ค่านิยมของคนไทยยุคใหม่ที่ชอบจะอยู่คนเดียว ไม่ชอบชีวิตคู่ ไม่ชอบการแต่งงาน หันมาครองตัวเป็นโสดกันเสียไม่น้อย
ปีนี้กรมอนามัยจึงเสนอโครงการ “มีตติ้งคนโสด” หรือ “โสดมีตติ้ง” เชิญชวนคนโสดทั้งหลายมาเข้าร่วมโครงการ
ผมเข้าไปดูในรายละเอียดบอกว่าเริ่มสมัครมาตั้งแต่ 10 ก.พ. ไปหมดเขต 31 มี.ค. และจะประกาศผลในวันที่ 14 เม.ย.โน่น
จากนั้นจะจัดกิจกรรมประมาณเดือนพฤษภาคม โดยจะแจ้งให้ทราบภายหลังว่า มีอะไรบ้าง? ที่ไหนและอย่างไร? แต่ยืนยันได้ว่าจะทำให้ผู้ร่วมโครงการที่เป็นคนโสดอบอุ่นหัวใจแน่นอน
ผมขอลงเว็บไซต์เพื่อรับสมัครให้อีกครั้งนะครับ ได้แก่ www.wiwahproject.com คนโสดที่ไม่ตั้งใจจะเป็นโสด แต่ต้องเป็นโสดเพราะอะไรก็ไม่รู้คลิกเข้าค้นหารายละเอียดได้เลยครับ
ขออวยพรให้โครงการประสบความสำเร็จ…จบรุ่นแรกแล้วอย่าลืม มีรุ่น 2 รุ่น 3 และ ฯลฯ ต่อเลยนะครับ ท่าน รมช.สาธิต ปิตุเตชะ เผื่อว่าปีหน้า ปีโน้น อัตราการเกิดของเด็กไทยจะเพิ่มขึ้นมาให้ชื่นใจกันบ้าง.
“ซูม”