ชายชื่อ “ทรัมป์” ทำได้เสมอ บันทึกวัน “ขายหน้า” ของ USA

ปกติแล้วทุกๆ วันเสาร์คอลัมน์นี้จะแปรสภาพเป็น “เสาร์สารพัน” ชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวงานต่างๆ รวมทั้งชวนอ่านหนังสือสนุกๆ …เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศมิให้ซ้ำซากจำเจจนเกินไป

แต่สำหรับเสาร์นี้ และคงจะอีกหลายเสาร์ละครับ เราคงจะต้องยุติเรื่องชวนเที่ยวโน่นเที่ยวนี่เอาไว้ชั่วขณะ เพื่อร่วมมือกับรัฐบาลในการหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มาแรงเหลือเกินในรอบนี้

ส่วนสาระเรื่องราวที่จะหยิบยกมาเขียนในวันเสาร์ นับแต่นี้เป็นต้นไปนั้นจะพยายามยึดนโยบายที่ว่า วันเสาร์เป็นวันแรกของวันหยุด เพราะฉะนั้น จึงควรจะเลือกเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กันอ่านเป็นหลัก

ยกเว้นเสาร์นี้คงจะหนักหน่อย เพราะระหว่างนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ผมนั่งเปิดโทรทัศน์ดูการรายงานสดจากรัฐสภาอเมริกัน ที่กำลังประชุมนัดสำคัญ คือการมาออกเสียงยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

โดยบรรดารัฐต่างๆ จะนำผลมาแจ้งต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้การยอมรับ คุณ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่

แต่ก็อย่างที่เราทราบนั่นแหละครับ “แชมป์เก่า” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน ท่านยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และยังคงกล่าวหาแบบไร้หลักฐานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้งในรัฐที่ท่านแพ้อย่างสูสีหลายต่อหลายรัฐ

ท่านใช้ให้ฝ่ายกฎหมายของท่านไปฟ้องศาลต่างๆ บ้าง ไปร้องให้ดำเนินการนับคะแนนใหม่บ้าง ซึ่งผลการนับใหม่ก็ยังออกมาเหมือนเดิม รวมทั้งทุกศาลที่คนของท่านไปฟ้องร้อง ก็โดนยกฟ้องไปทั้งสิ้น

ถึงขนาดนี้แล้วคุณทรัมป์ก็ยังไม่ยอมแพ้ ออกมาทวีต ยั่วยุ เชิญชวนคนอเมริกันที่สนับสนุนท่านให้ไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเพื่อคัดค้านการลงมติในวันประชุมใหญ่ เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 6 มกราคมให้มากที่สุด

ซึ่งแฟนคลับของท่านก็ยกขบวนมาจริงๆ มากันหลายหมื่นคน ล้อมรอบตึกรัฐสภาสหรัฐฯ เอาไว้ทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ช่วงสายๆ ตามเวลาของกรุงวอชิงตัน

ผมตื่นมาดูการถ่ายทอดสดฟุตบอล “คาราบาวคัพ” ของอังกฤษรอบเซมิฯ คู่ แมนฯ ยู กับ แมนฯ ซิ ตอนตี 3 กว่าๆ ก็เลยได้ดูการถ่ายทอดสด เหตุการณ์จากหน้ารัฐสภาสหรัฐฯ โดย CNN เป็นของแถม

ตี 4 ตี 5 บ้านเรา หรือบ่าย 4 โมง 5 โมงตามเวลาตะวันออกสหรัฐฯ สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เมื่อฝูงชนจำนวนหนึ่งพยายามจะบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา มีการทุบกระจกหน้าต่างแตกกระจาย

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงระเบิดของแก๊สน้ำตามีควันคลุ้งและมีข่าวว่าสตรีรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต
พักใหญ่ๆ ต่อมา คุณทรัมป์ก็มาออกทีวีขอให้ผู้ชุมนุมอย่าใช้ความรุนแรง และขอให้กลับบ้านอย่างสงบ แต่ก็ยังไม่วายหยอดทิ้งท้ายว่า เราจะจดจำเหตุการณ์ที่เราถูกปล้นชัยชนะครั้งนี้เอาไว้

จากนั้นก็มีข่าวว่านายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ขอให้กองกำลังพิทักษ์ มาตุภูมิมาช่วยเสริมกำลังตำรวจแล้ว พร้อมกับประกาศ “เคอร์ฟิว” ตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปจนถึง 6 โมงเช้า

และพอ 6 โมงเย็นเป๊ะตามเวลาเคอร์ฟิว ผู้ชุมนุมต่างค่อยๆ ถอนตัวกลับไป แต่ก็มีการปะทะกันบ้างประปราย จนล่าสุดตำรวจแจ้งว่ามียอดผู้เสียชีวิต 4 ราย และถูกจับกุมตัวไป 40 กว่าราย

พอฝูงชนส่วนใหญ่กลับ บรรดาท่าน ส.ส. ส.ว. ก็ประชุมต่อเริ่มประชุมตั้งแต่ 3-4 ทุ่ม เวลาที่โน่น หรือประมาณ 10 โมงเช้า วันที่ 7 ม.ค. บ้านเราซึ่งทาง CNN ก็ยังถ่ายทอดต่อ แต่ผมไม่มีเวลาดูเสียแล้ว ก็เลยต้องจบบันทึกไว้เพียงเท่านี้

ซึ่งก็หวังว่าแม้จะมีสมาชิกที่สนับสนุนคุณทรัมป์เสนอให้เปลี่ยนแปลงผลเลือกตั้งบางรัฐบ้าง แต่ด้วยเสียงส่วนใหญ่รวมทั้งสมาชิกรีพับลิกัน จำนวนหนึ่งที่ระอาคุณทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้นคงจะทำให้ที่ประชุมมีมติยอมรับผลการเลือกตั้ง หรือยอมรับให้คุณไบเดนเป็นประธานาธิบดีในที่สุด

อนึ่งในระหว่างรายงานสดนั้น ผู้ดำเนินรายการของ CNN เกือบทุกคนจะออกมาตำหนิประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เป็นผู้สร้างความด่างพร้อยให้แก่ระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ และเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุด น่าละอายที่สุด นับแต่ประเทศนี้มีประธานาธิบดีเป็นต้นมา

ผมเห็นด้วยทุกประการ แต่เนื่องจากเราไม่ใช่คนอเมริกัน คงไม่มีสิทธิ์ไปว่ากล่าวอะไรท่านแรงๆเหมือนผู้ดำเนินรายการของ CNN ได้

แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ CNN ทุกข้อ รวมทั้งข้อที่ว่า คุณทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่น่าละอายที่สุดของสหรัฐอเมริกา… ทำได้ถึงขนาดนี้ อายประเทศด้อยพัฒนาไปเลยนะเนี่ย.

“ซูม”

โดนัลด์ ทรัมป์, โจ ไบเดน, สหรัฐอเมริกา, ประธานาธิบดี, แมนยู, แมน ซิ, รัฐสภา, ซูมซอกแซก