ขอบคุณ 4 กุมาร+พระฤาษีสำหรับ “อาวุธ” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ผมไม่แน่ใจว่า ในละครทีวีจักรๆ วงศ์ๆ ของช่อง 7 สี เรื่อง “4 ยอดกุมาร” อันเป็นที่มาของฉายา “4 กุมาร” ทางการเมืองในยุค ปัจจุบันจะมีตัวละครเอกเป็น “พระฤาษี” อยู่ด้วยหรือไม่

แต่ผมก็ตัดสินใจยกตำแหน่ง “พระฤาษี” ซึ่งมักมีบทบาทสำคัญในนิยายจักรๆ วงศ์ๆ ในฐานะพระอาจารย์ของพระเอกต่างๆให้แก่ อดีตรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปแล้วในข้อเขียนเมื่อวานนี้

เพราะท่านเปรียบเสมือนหัวหน้าคณะ หรือครูบาอาจารย์ของทั้ง 4 กุมารชุดนี้ ยกตำแหน่งพระฤาษีให้คงจะเหมาะสมทุกประการ

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งจะหนักหนาสาหัสอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว กับข่าวที่ว่าขุนพลเศรษฐกิจคู่กายบิ๊กตู่ ที่คาดว่าจะมาช่วยท่านทำศึกหลังโควิด-19 มีเพียง 2 ท่านเท่านั้น

ที่สำคัญจะไม่มีมือระดับพระฤาษี หรืออาจารย์ของ 4 กุมาร ที่มีบารมีระดับ “ซาร์เศรษฐกิจ” มาร่วมด้วย เพราะคนมีบารมีต่างๆ ปฏิเสธกันหมด

ผมก็เสนอแนะให้ “บิ๊กตู่” ใช้ระบบที่ปรึกษาให้มากๆ และใช้การบริหารแบบ “นิวนอร์มอล” คือฟังทุกฝ่ายก่อนตัดสินใจ

ผมไม่หวังหรอกว่าวิธีดังกล่าวนี้จะทำให้เราเอาชนะสงครามเศรษฐกิจหลังโควิด-19 จนสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า การบริหารแบบรับฟังทุกฝ่ายแล้วจึงตัดสินใจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในความจำกัดทางการเมือง ณ ปัจจุบัน

วันนี้ผมขออนุญาตเขียนต่อ โดยเฉพาะจะเขียนถึง “พระฤาษีและ 4 กุมาร” อีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะกล่าวคำขอบคุณทั้ง 5 ท่านโดยตรง

ขอบคุณสำหรับผลงานที่ทั้ง 5 ท่านได้ทิ้งไว้ สำหรับเป็น อาวุธยุทโธปกรณ์ ในการทำสงครามเศรษฐกิจที่จะมาถึง

นั่นก็คือ การเสนอให้มี พ.ร.ก. 3 ฉบับ ซึ่งนำไปสู่เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และสภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทยอีก 9 แสนล้านบาท รวมเป็น 1.9 ล้านล้านบาท ดังที่เราทราบกันอยู่แล้ว

ท่านที่ติดตามข้อเขียนผมมาพอสมควรคงจะสังเกตได้ว่า ผมมิได้ชื่นชม ดร.สมคิดไปเสียทุกเรื่อง จริงๆ แล้วได้เขียนคัดค้านและทักท้วงท่านไว้หลายๆ เรื่องด้วยซ้ำ

ผมไม่ค่อยชอบการพัฒนาแบบก้าวกระโดดโดยเน้นความเจริญเติบโตเป็นหลัก เพราะยิ่งพัฒนาไป ช่องว่างของประเทศก็จะยิ่งถ่างมากขึ้น

ตลอดเวลาที่ท่านเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” ให้นายกฯ ประยุทธ์นั้น ท่านเร่งความเจริญเติบโตอย่างมาก ทุ่มเทให้โครงการใหญ่ๆ มาโดยตลอด รวมทั้งโครงการ อีอีซี ที่ผมท้วงติงด้วยความห่วงใยอยู่ตลอดเวลา

ผมไม่ขัดข้องถ้าจะเร่งความเจริญเติบโต แต่ต้องมีแผนดูแลคนยากคนจนควบคู่ไปด้วย ดังเช่นในยุคป๋าเปรมที่เริ่มโครงการพัฒนาชายฝั่งตะวันออก และเร่งรัดอุตสาหกรรมส่งออกอย่างใหญ่หลวง แต่ก็มีโครงการพัฒนาชนบทยากจนควบคู่กันไป

แต่ของ “บิ๊กตู่” ภายใต้การแนะนำของท่านรองสมคิด เร่งความเจริญเติบโตด้วย “อภิมหาโครงการ” อย่างเดียว แต่พอถึงการช่วยคนจน ท่านกลับไปเน้นโครงการแจกเงินแบบประชาชนนิยมเสียนี่

จะบอกว่า ไม่นึกถึงคนจนก็ไม่ได้ แต่เป็นการนึกถึงที่ผิดทาง

อย่างไรก็ตาม จะไปตำหนิว่าท่านทำผิดคงไม่ใช่ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของโลกนี้ ต่างก็มุ่งเน้นไปที่ความเจริญเติบโตทั้งสิ้น

พวกที่อยากเห็นความเจริญแบบสมดุล และถ่วง GDP ไม่ให้เพิ่มมาก โดยเอาเงินมาลงทุนในด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มากๆ (อย่างที่ผมชอบ) จริงๆ แล้วเป็นนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มน้อยด้วยซ้ำ

ด้วยความตระหนักเช่นนี้ ผมจึงมิได้ขัดแย้งท่านเพียงแต่ติงและเตือนให้ท่านระมัดระวังเรื่อง “ช่องว่าง” เอาไว้บ้างเท่านั้นเอง

แต่สำหรับการ “เตรียมการ” ไว้สู้ศึกเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ผมเห็นด้วยในหลักการ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ และขอขอบคุณที่ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการ “สั่งสม” กระสุนดินดำก้อนนี้ไว้ เพื่อให้ใครก็ตามที่จะมาบริหารเศรษฐกิจของชาตินำมาใช้นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

ในรายละเอียดลึกลงไป สำหรับโครงการประเภท เยียวยา ต่างๆ อาจต้องดูแลกันใหม่ให้รอบคอบ โดยเฉพาะโครงการ 4 แสนล้านบาท ที่ส่งผ่านสภาพัฒน์

แต่มาตรการที่เตรียมไว้สำหรับการช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs วงเงิน 5 แสนล้านบาท และการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินวงเงิน 4 แสนล้านบาทนั้น เหมาะสมและจำเป็นที่สุด

ดังนั้น ไม่ว่าท่านและ 4 กุมารจะไปอยู่แห่งหนใด…ผมขอขอบคุณอย่างจริงใจและขอให้โชคดีมีสุขทุกๆ ท่านนะครับ.

“ซูม”

ขุนพลเศรษฐกิจ, เศรษฐกิจหลังโควิด-19, สงครามเศรษฐกิจ, ซูมซอกแซก