เชื่อแล้ว “เด็กไทย” เก่ง ทำอย่างไรให้ “เก่ง”+”ดี”

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้เอง มีข่าวไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่ข่าวหนึ่งที่หนังสือพิมพ์ลงหน้าหนึ่งทุกฉบับ เกี่ยวกับ “โจ๋ อัจฉริยะ” วัยเพียง 19 ปี ที่เข้าไปป่วนหรือ “แฮ็ก” โครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 จนล่าช้าไปอย่างมาก

คงจะจำกันได้ตอนเปิดโครงการเฟส 2 วันแรกมีข่าวว่าเว็บล่มหรือไม่ทำงานอะไรสักอย่างหนึ่ง จนเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลังต้องออกมาแถลงกับสื่อว่าสงสัยจะโดนมือดีก่อกวน

ปรากฏว่าเมื่อตำรวจคอมพิวเตอร์หรือตำรวจออนไลน์ (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือ ปอท.) ลงมือแกะรอยสอบสวนสืบสวนอยู่พักหนึ่งก็ได้เค้า

บุกเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ ปรากฏว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่ 19 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี

เมื่อตำรวจบุกเข้าไปค้นในบ้านก็พบเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องมีทั้งคอมพิวเตอร์ประกอบเองและโน้ตบุ๊ก พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถืออีก 7 เครื่อง ซิมโทรศัพท์มือถือ 1,000 ซิม, ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว, และอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถืออีกเกือบๆ 20 ชิ้น

เจ้าหนุ่มยอมรับว่า เข้าไปแฮ็กโครงการชิมช็อปใช้จริงและทำมาตั้งแต่เฟส 1 แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้ผลมาก เพิ่งจะมาเกิดผลทำให้หยุดชะงักล่าช้าได้สำเร็จในเฟส 2 นี่แหละ

จากการซักถามของตำรวจโจ๋วัยรุ่นยอมรับว่าทำเองคนเดียว ไม่มีใครสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ทำเพราะอยากลองวิชาและทดสอบอะไรบางอย่าง

เขาเล่าประวัติตัวเองด้วยว่า ปัจจุบันเรียนอยู่ปีที่ 2 ของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปัตตานี สนใจเรื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม 5 และขลุกอยู่กับเครื่อง จนมีความชำนาญเป็นอย่างสูง เคยเข้าแข่งขันคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่อายุ 11 ขวบเท่านั้น

ประสาคนที่สอบตกด้านเทคโนโลยีและใช้โทรศัพท์มือถือเพียงแค่โทรศัพท์หรือเล่นไลน์เล่นเฟซบุ๊กนิดๆหน่อยๆ พอไม่ให้ตกเทรนด์และทำอะไรอย่างอื่นกับเขาไม่เป็นอย่างผม

เมื่ออ่านข่าวนี้จบก็อดรู้สึกทึ่งเสียมิได้ ที่พบว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่นี้เอง แต่มีความรู้ความสามารถในด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างมากมายเกินตัว

คนที่เข้าไปแฮ็ก หรือเข้าไปทำโน่นนี่นั่น ในระบบออนไลน์ได้ สำหรับผมแล้วถือว่าสุดยอดมาก ต้องยกนิ้วให้เลย

จะรู้สึกผิดหวังบ้างก็ตรงที่หนุ่มรายนี้ กลับนำความรู้ความสามารถของเขาไปใช้ในทางที่ผิด จนกลายเป็นผู้ต้องหา และก็คงจะต้องรับโทษานุโทษไปตามกฎหมายบ้านเมือง เมื่อมีการดำเนินคดีเกิดขึ้น

แต่กระนั้นผมก็ยังอยากจะให้ดูแลเจ้าหนุ่มรายนี้ให้ดี เพราะเสียดายฝีไม้ลายมือของเขา เมื่อรับโทษไปแล้ว ก็อยากให้เก็บเขาไว้ใช้ต่อไป ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างมากในอนาคต

ขอเพียงให้เราเปิดโอกาสให้เขาปรับตัว พร้อมกับช่วยกันอบรมสั่งสอนให้เขาสำนึกว่าอะไรคือการทำดี อะไรคือการทำไม่ดี หรือไม่ถูกต้อง เพื่อให้เขานำวิชาความรู้ของเขามาใช้ในทางที่ดีที่ถูกต้องแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

จากกรณีของเด็กหนุ่มรายนี้ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในสมองของคนไทย ซึ่งผมเชื่อมาตลอดว่าไม่แพ้ใครในโลกนี้

คนไทยอาจไม่ใช่คนเก่งที่สุดในโลก แต่ก็มีความเก่ง มีความสามารถที่จะเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้ดีพอสมควร ทำให้ประเทศไทยของเราเจริญก้าวหน้า อย่างน้อยก็ไม่แพ้ใครๆ เขามากนัก

ขนาดเราบ่นกันว่าระบบการศึกษาเราแย่ สอบโน่นสอบนี่คะแนนเราแพ้เขาหมดมาแต่ไหนแต่ไร…เราก็ยังก้าวมาจนถึงขั้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงกับเขาได้ในทุกวันนี้

แถมยังตั้งความหวังว่าจะไปให้ถึงประเทศรายได้สูงขั้นต้นให้ได้ ในเวลาไม่นานนักด้วยซํ้า

ผมเชื่อว่า เรายังมีเด็กเก่งเด็กอัจฉริยะแบบเด็กหนุ่มปัตตานีรายนี้ซ่อนตัวอยู่ตามจังหวัดต่างๆ อีกเยอะ

ขอให้ช่วยกันแนะนำสั่งสอนให้เขาทั้งหลายเป็นเด็กดี คิดดี ทำดีและให้เขาใช้ความเก่งของเขาในทางที่ดี ผมมั่นใจครับว่าประเทศไทยของเราจะไปได้อีกไกลแสนไกล

ฝากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงชื่อยาวที่สุดและต้องแปลไทยเป็นไทยมากที่สุดไว้ด้วยนะครับ.

“ซูม”