ดีใจ…กรุงเทพฯ ยังแชมป์ น่าเที่ยวที่สุดในโลก “ปี 4”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวดีทางด้านการท่องเที่ยวมาปลอบใจคนไทยเราอยู่ข่าวหนึ่ง หลังจากที่มีข่าวที่ไม่สู้จะดีนัก ทางด้านท่องเที่ยวเกิดขึ้นอยู่เสมอ ในช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมานี้

ได้แก่ข่าวที่ว่า กรุงเทพฯ ยังคงครองตำแหน่งแชมป์ “เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก” ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 เชือดเฉือน ปารีส ลอนดอน ฯลฯ ไปอย่างขาดลอย

จากการสำรวจและจัดอันดับของ มาสเตอร์การ์ด ผู้ให้บริการทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ให้ความสนใจและจัดอันดับเมืองที่น่าเที่ยวทั่วโลกรวม 200 เมืองมาแล้วหลายๆ ปีติดกัน

มาสเตอร์การ์ด แถลงข่าวนี้ที่นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวดังๆทั่วโลก และมีการเผยแพร่ข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง อาทิ เอพี, รอยเตอร์, บีบีซี, ซีเอ็นเอ็น, Forbes และ ฯลฯ

ผมอ่านข่าวอ่านบทวิเคราะห์ต่างๆ เกี่ยวกับข่าวนี้แล้ว ก็หน้าบานเป็นจานเชิงมีความสุขอยู่หลายวันละครับ

บริษัท มาสเตอร์การ์ด เป็นบริษัทเครดิตการ์ดใหญ่ เป็นที่รู้จักอย่างดีทั่วโลก คู่แข่งของ วีซ่าการ์ด ที่ข่าวแจ้งว่ามีผู้นิยมใช้มากพอๆ กัน

มาสเตอร์การ์ด ประกาศจัดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่ประชาชนนิยมไปเที่ยวทั่วโลกรวม 200 เมือง โดยใช้ข้อมูลสำคัญส่วนหนึ่งจากสมาชิกผู้ถือบัตร มาสเตอร์การ์ด ของเขาที่นำไปรูดในเมืองต่างๆ นั่นเอง

เพราะฉะนั้นผลที่ออกมาจึงเชื่อถือได้ และเป็นที่ยอมรับของสื่อต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยกันเผยแพร่ในทุกๆ ปีรวมทั้งปีนี้

เท่ากับเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์เผยแพร่ชื่อเสียงให้แก่กรุงเทพฯ หรือ Bangkok โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเราลองอ่านข่าวให้ลึกๆ ก็จะเห็นได้ว่า ในการแถลงข่าวปีนี้นั้น ตัวเลขสำคัญตัวหนึ่งที่เขาหยิบมาใช้อ้างอิง จะเป็นตัวเลขของปี 2018 หรือปีกลายเกือบทั้งหมด

ที่บอกว่ากรุงเทพฯ มีคนมาเที่ยวมากสุด 22.78 ล้านคน, ปารีส อันดับ 2 รวม 19.1 ล้านคน, ลอนดอน อันดับ 3 รวม 19.09 ล้านคน, ดูไบ อันดับ 4 รวม 15.93 ล้านคนคือตัวเลขปีที่แล้ว 2018 ครับ

มาปีนี้ 2019 ก่อนหน้าที่เขาจะประกาศผล เราก็ทราบกันดีแล้วว่า ยอดนักท่องเที่ยวของเราเริ่มฝืดลง จนถึงขั้นมีการเสนอมาตรการจูงใจยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย แต่ ครม.ยังไม่เห็นด้วย

ตัวเลขของปีนี้แหละครับ ที่มาสเตอร์การ์ดเขาจะเอาไปใช้ในการประกาศผลปีหน้า ซึ่งถ้ายังใช้เวลาเดิมก็ประมาณต้นกันยายน 2020

เราจะยังรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้อีกปี เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันหรือไม่? คงต้องลุ้นกันเหนื่อยพอสมควร

ก็ได้แต่หวังว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นทั่วโลกจึงอาจเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบไปทุกๆ ประเทศ และทุกๆ เมืองที่เป็นคู่แข่งกับเรา โดยเฉพาะปารีส, ลอนดอน, ดูไบ หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็อาจจะมีนักท่องเที่ยวน้อยลงเช่นกัน

ระหว่างที่รอลุ้นอยู่นี้ผมจึงเห็นด้วยกับท่านผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กของท่านด้วยความดีใจ ที่เราเป็นแชมป์ปีที่ 4 ติดกัน และขอให้เราช่วยกันรักษาตำแหน่งต่อไปด้วยการขอร้องพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ว่า

“จงร่วมกันรักษาคุณภาพ และพัฒนาบ้านเมืองให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการดูแลเอื้อเฟื้อ และต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ไม่มีใครเหมือน”

เห็นด้วยครับท่านผู้ว่าฯ…โดยเฉพาะเรื่องยิ้ม ช่วงหลังๆ นี้ผมขึ้นแอร์พอร์ตลิงก์กลับบ้านทุกวัน เจอนักท่องเที่ยวหลายๆ ร้อยคนทุกวัน ขึ้นมาเบียดเสียดถึงขั้นโหน แทบหายใจไม่ออกช่วง 6 โมงเย็นกว่าๆ

แม้บรรยากาศบนรถจะไม่ชวนยิ้ม (บางวันแอร์เสียร้อนมาก) แต่ผมก็ทำหน้าที่อย่างที่ท่านบอกแล้วครับ คือพยายามยิ้ม (พร้อมแสดง สีหน้าจริงใจ)ให้นักท่องเที่ยวอยู่ตลอด…

โดยหวังว่ารอยยิ้มจากคนแก่ๆ อย่างผมจะทำให้นักท่องเที่ยว อยากจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกหน (เพื่อที่จะมาเบียดในรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งก็ไม่เหมือนที่ใดในโลกเช่นกัน) ในโอกาสต่อๆ ไป.

“ซูม”