ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับนี้ การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ประเทศไทยเราเป็นเจ้าภาพยังไม่จบลงอย่างสมบูรณ์แบบนะครับ เหลืออีกสัก 2–3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ก่อนที่ “บิ๊กตู่” จะออกมาแถลงข่าว
เพราะฉะนั้น ที่ประชุมจะมีมติในเรื่องสำคัญๆ อะไรบ้าง โปรดติดตามจากข่าวหน้า 1 กันอีกทีนะครับ
รวมทั้งเรื่องที่ผมจะเขียนวันนี้ด้วย แม้จะเป็นข่าวใหญ่มากในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันประชุมวันสุดท้ายว่า ในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศตกลงกันแล้วว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้แน่นอน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องรอผลการประชุมของผู้นำในระดับสุดยอดเสียก่อน! ถ้าโอเคซิกาแร็ตก็จะนำไปสู่กระบวนการต่างๆ ต่อไป
ผมเดาไว้ก่อนว่าที่ประชุมใหญ่อนุมัตินะครับ แต่ถ้าไม่อนุมัติก็ถือว่าเป็นเรื่องประเภท “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” เก็บไว้เม้าท์มอยในวงกาแฟซะก็แล้วกัน
เรื่อง “อาเซียนจะขันอาสาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปี 2034” หรือปี พ.ศ.2577 นั่นแหละครับ
ทันทีที่ข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลจากการแถลงของท่าน ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เมื่อบ่ายๆ วันเสาร์ ก็มีการแสดงความเห็นหรือ “คอมเมนต์” ต่อท้ายยาวเหยียด
ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยครับ ออกมาในทางแซว ทางเย้ยหยัน ทางเสียดสีตามสไตล์ของการเมนต์ในโซเชียลยุคนี้ เต็มพรืดไปหมด
หาว่าฝันไปบ้าง? ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือไรบ้าง? จัดซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ไปก่อนเถอะ อย่าหาญไปจัดบอลโลกเลยบ้าง ฯลฯ
จะว่าไปเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับอาเซียนแต่อย่างใด ท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนกีฬาคงจะพอทราบความเคลื่อนไหวกันดีอยู่แล้ว
แนวคิดในการรวมพลังอาเซียนเพื่อจัดฟุตบอลโลก เริ่มตั้งแต่ต้นๆ ปี 2011 หรือปี พ.ศ.2554 ประมาณ 8 ปีมาแล้ว โดยอดีตนายกสมาคมลูกหนังสิงคโปร์ในปีดังกล่าวเป็นผู้ริเริ่มและนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนในปีเดียวกัน
ต่อมาอีก 2 ปี คือปี 2013 หรือ พ.ศ.2556 นายกลูกหนังสิงคโปร์คนเดิมกับประธานโอลิมปิกมาเลเซีย กลับมาจุดพลุอีกครั้งว่า อาเซียนควรเป็นเจ้าภาพ และควรเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพปี 2034 หรือ พ.ศ.2577 ซึ่งเป็นรอบที่ประเทศในเอเชียจะเสนอตัวได้อีกครั้ง
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ปี 2560 รองนายกสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียก็ออกมาแถลงข่าวว่า อินโดนีเซีย กับ ประเทศไทย ตกลงกันแล้วที่จะเป็นตัวแทนของกลุ่มอาเซียนไปเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลก
จากข่าวนี้ทำให้มีรายชื่อโผล่ออกมาอีก 2 ประเทศ คือ ประเทศไทยของเรากับอินโดนีเซีย
ทำให้รายชื่อของประเทศในกลุ่มอาเซียนที่พร้อมจะเป็นเจ้าภาพมีทั้งหมด 4 ชื่อ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ไทย ตามลำดับที่เคยเป็นข่าว
ด้วยเหตุนี้ หากที่ประชุมสุดยอดอาเซียนอนุมัติในการประชุมครั้งนี้ ก็น่าจะมี 4 ประเทศที่มีชื่อในข่าวที่ผมสรุปมานี้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
โดยจะส่งชื่อไปตีตราจองเอาไว้ก่อนเลย และคาดว่าจะมี อียิปต์, จีน, ออสเตรเลีย+นิวซีแลนด์, ซิมบับเว และ ไนจีเรีย เป็นคู่แข่ง
การเสนอคงไม่ใช่ในนามของอาเซียน เพราะฟีฟ่าจะไม่รับพิจารณา การเสนอตัวในรูปแบบองค์กรของกลุ่มประเทศต่างๆ แต่ยอมรับในแบบ หลายๆ ประเทศเสนอตัวร่วมกัน
ดังเช่นในอดีตที่รับญี่ปุ่นร่วมเกาหลีใต้มาแล้ว
และในปี 2026 ก็รับการเป็นเจ้าภาพร่วม 3 ประเทศ แคนาดา, สหรัฐฯ, เม็กซิโก
เพราะฉะนั้น แม้อาเซียนจะมีมติสนับสนุน แต่ในการเสนอชื่อเจ้าภาพ จะมี 4 ประเทศร่วม ซึ่งถ้าเป็นไปตามข่าวก็น่าจะมีไทยรวมอยู่ด้วย
ทั้งหมดนี้คือที่มาของความพยายามที่จะเป็นเจ้าภาพบอลโลกของประชาคมอาเซียนเราน่ะครับ จะสำเร็จหรือไม่ยังต้องลุ้นต่อไป
ผมเองแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากจะไปขัดความฝันของอาเซียน ถือเสียว่าฝันเอาไว้บ้างดีกว่าไม่ฝันอะไรเลย
โอกาสเป็นจริงคงไม่ง่ายนักหรอก เพราะมีชื่อจีนเป็นคู่แข่งอยู่ด้วย ได้ยินก็หนาวแล้วละ ฉะนั้นอย่าไปขัดความฝันเรื่องนี้เลยปล่อยให้อาเซียนเขาลองทำดูแล้วจะรู้ว่า ในโลกแห่งความจริงนั้นยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน? ไม่ลองไม่รู้ว่างั้นเถอะครับ!
“ซูม”