ผมเรียนท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของกรมสุขภาพจิต ที่ขอให้คนไทยเราหมั่นฉีดวัคซีนทางใจ เพื่อป้องกันโรค “จิตตก” ที่กำลังเกิดขึ้น เพราะโรคโควิด–19 ระบาดอย่างรุนแรงในช่วงเวลานี้

การดำเนินการใดๆ ที่จะช่วยให้เรายังพอมีความหวังมีกำลังใจที่พร้อมจะสู้ต่อ โดยไม่ย่อท้อ เพื่อฝ่าสถานการณ์อันเลวร้ายครั้งนี้ไปให้ได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และผมขอรับหน้าที่ที่ว่านี้ก็แล้วกันครับ

วันก่อนผมเขียนชวนท่านผู้อ่านติดตามการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโตเกียว ซึ่งจะเปิดการแข่งขันในค่ำวันนี้ (ศุกร์ 23 ก.ค.) ก็มีข่าวว่า ท่านประธานจัดงานชักไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้แข่งขันกันหรือไม่

เพราะถึงนาทีสุดท้ายแล้ว หากการระบาดของโควิด-19 ในกลุ่ม นักกีฬาที่มาแข่งขันยังรุนแรงอยู่ ท่านอาจจะ “งด” การแข่งขันเสียก็ได้

ผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่งดนะครับ เพราะหากไม่งดละก็ วันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 24 ก.ค.) เราจะลุ้น “เหรียญทอง” ซึ่งเราเป็นตัวเต็งอยู่จาก “น้อง เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม กันเลย

หากชัยชนะเป็นของ “น้องเทนนิส” ก็จะถือเป็นวัคซีนทางใจเข็มแรกอย่างที่ผมเคยแนะนำไว้

สำหรับวันนี้ผมไปอ่านเจอข่าวดีที่พอจะถือว่าเป็น “วัคซีนทางใจ” ได้อีกเข็มหนึ่ง ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อเลยนะครับ

เป็นข่าวจากเว็บไซต์เมเนเจอร์ออนไลน์ครับ เขาพาดหัวเอาไว้บนหน้าแรกในเซ็กชัน “ข่าวน่าสนใจ” เรียงติดต่อกันเอาไว้ถึง 3 ข่าว

หัวข่าวแรก “ธนาคารกสิกรไทยแจ้งกำไรครึ่งแรกปี 2564 กำไร 19,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104 เปอร์เซ็นต์” พร้อมภาพประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ผู้แถลงข่าว

หัวข่าวที่สอง “BBL แจ้งกำไรไตรมาส 2 จำนวน 6.3 พันล้าน เพิ่มขึ้น 105 เปอร์เซ็นต์” พร้อมภาพตราสัญลักษณ์ “บัวหลวง” ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่แถลงเป็นลายลักษณ์อักษร

และหัวข่าวที่สาม “กรุงศรีเผยกำไรครึ่งปีแรกเพิ่ม 55 เปอร์เซ็นต์ รับผลขายหุ้นเงินติดล้อ” พร้อมภาพกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ คุณ เซอิจิโระ อาคิตะ ในฐานะผู้แถลงข่าว

ที่ผมอ่านหัวข่าวทั้ง 3 นี้แล้ว รู้สึกเหมือนได้วัคซีนทางใจขึ้นมา

ทันทีก็ตรงที่ว่า ทั้ง 3 ธนาคารใหญ่ที่เป็นข่าวข้างต้นล้วนมี “กำไร” อย่างงดงามทั้งสิ้น

การที่เกิดสภาวะแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 และทำให้เราต้องล็อกดาวน์กันมาหลายครั้ง ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจด้านบริการต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร รวมไปถึงธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ต้องปิดตัวเองลงไปมากมาย

ผู้คนตกงานมากมาย ฯลฯ ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น

แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการที่ได้กำไรและดูท่าจะกำไรดีเสียด้วย

ดังเช่นธนาคารทั้ง 3 แห่ง (และน่าจะยังมีอีกหลายๆ แห่งที่จะแถลงผลประกอบการในเร็วๆ นี้) จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

การที่ธนาคารต่างๆ มีผลกำไรนั้น จะมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนักลงไปได้อย่างมาก และขณะเดียวกันก็จะช่วยส่งเสริม

ให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นกลับมาได้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

เพราะ “ธนาคาร” นั้นจะเปรียบเสมือนกับสภากาชาดไทยที่เป็นคลังโลหิต คอยส่งโลหิตไปช่วยผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัสจากการผ่าตัดตามโรงพยาบาลต่างๆ นั่นเอง

ผมไม่ได้คลิกไปดูรายละเอียดว่าผลกำไรจากธนาคารทั้ง 3 มาจากสาเหตุใด เป็นกำไรแบบของแท้หรือกำไรแบบซ่อนรูปในทางบัญชี เพราะแท้ที่จริงแล้วอาจจะมีประเด็นปัญหาหลายๆ อย่างซุกอยู่

ผมขออ่านเฉพาะข่าวพาดหัวว่าธนาคารใหญ่ดังกล่าวมีกำไรมาก เพื่อเป็นวัคซีนทางใจล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน

เพราะหลังจากที่เราเช็ดน้ำตาจากการสูญเสียชีวิตของพี่น้องชาวไทยจากโควิด-19 ได้แล้ว หรือจัดการกับการระบาดได้แล้ว เรายังจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่รอเราอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

การที่ได้ทราบข่าวว่าธนาคาร หรือ “คลังโลหิต” ที่จะช่วยชุบชีวิตธุรกิจที่บาดเจ็บสาหัสยังมีกำไรอยู่ ผมจึงถือเป็นข่าวดีของวันนี้ และเป็นวัคซีนทางใจที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาแห่งความว้าเหว่ที่คนไทยทุกคนต้องการกำลังใจอย่างยิ่งยวดในขณะนี้.

“ซูม”