โควิดไทย “หนัก” กว่าที่คิด เปิด “ภูเก็ต” ต้อง “รอบคอบ”

จากวันนี้ (ศุกร์ที่ 25 มิถุนายน) ไปถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันดีเดย์สำหรับการเปิดจังหวัดภูเก็ตเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เหลืออีกเพียง 6 วันเท่านั้น

แต่ข่าวคราวว่าด้วยสถานการณ์การระบาดรายวันของโควิด-19 ในบ้านเราดูช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย ยังคงเกินวันละ 3,000 ราย มาโดยตลอด…บางวันกระโดดขึ้นไปถึง 4,000 กว่ารายด้วยซํ้า

ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับบ่ายๆ วันพุธ 23 มิ.ย. กลับมาที่หลัก 3 พันกว่า คือ 3,174 ราย ทำให้ยอดสะสมการติดเชื้อของเราพุ่งไปที่ 228,539 ราย อันดับโลกกระโดดพรวดไปเป็นอันดับ 76 แซงทั้งกาตาร์ และ อาร์เมเนีย ขึ้นมาจ่อ ศรีลังกา อันดับ 75 เรียบร้อย

ที่น่ากังวลใจอย่างยิ่งคือยอดผู้เสียชีวิตประจำวันพุธน่ะครับเพราะสูงถึง 51 ราย เป็นสถิติ “นิวไฮ” อีกครั้ง…

ส่งผลให้ยอดสะสมของผู้เสียชีวิตในบ้านเรา ณ วันนี้รวมทั้งสิ้น 1,744 ราย เข้าใกล้หลัก 2,000 ราย เข้าไปทุกขณะ

การติดเชื้อที่ยังพุ่งสูงเช่นนี้ย่อมมีผลกระทบไปถึงความสามารถของระบบสาธารณสุขบ้านเราว่าจะรับมือได้อีกนานแค่ไหน โดยเฉพาะในเคสผู้ป่วยหนักที่เรียกกันว่าผู้ป่วย “กลุ่มสีแดง”

ตัวเลขล่าสุดเมื่อวันพุธนั้น กรมการแพทย์รายงานว่า ในเขต กทม. และปริมณฑลรวมกันเหลือเตียงสำหรับผู้ป่วยสีแดงแค่ 20 เตียงเท่านั้น…

ในขณะที่เคสสีเหลืองซึ่งเป็นเคสผู้ป่วยอาการปานกลางก็เหลือเตียงอีกประมาณ 300 เตียง ถือว่าน้อยมากสำหรับ กทม.และปริมณฑลรอบๆ

หากยอดติดเชื้อรายวันยังไม่ลด…ยอดผู้ป่วยหนักสีแดงหรือผู้ป่วยปานกลางสีเหลืองก็จะต้องเพิ่มขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว

ดังนั้น เตียงสำหรับสีแดงที่เหลือแค่ 20 เตียง และสีเหลืองเหลือแค่ 300 เตียง อาจจะเต็มไปแล้วก็ได้ครับ…เมื่อต้นฉบับผมลงตีพิมพ์ในวันนี้

นอกจากสถานการณ์ในภาพรวมของประเทศ และใน กทม. กับปริมณฑลจะตึงมืออย่างที่ว่านี้แล้ว สถานการณ์ในภาคใต้ของจังหวัดที่อยู่ใกล้ภูเก็ตบ้างไม่ใกล้บ้าง ก็ยังมีการแพร่ระบาดอย่างน่าเป็นห่วงเช่นกัน

กระบี่เอย พังงาเอย ยะลาเอย ปัตตานีเอย สงขลาเอย มีข่าวหนักบ้าง เบาบ้าง แทบทุกจังหวัด โดยเฉพาะคลัสเตอร์จากยะลาคลัสเตอร์เดียว แพร่กระจายการระบาดออกไปถึง 12 จังหวัดเลยทีเดียว

ไม่ทราบว่า ข่าวเชิงลบต่างๆ เหล่านี้จะมีผลกระทบต่อแผนการเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มากน้อยเพียงไร?

ขอให้ผู้เกี่ยวข้องในระดับสูงทุกๆ ฝ่ายฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ครบถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจก็แล้วกันนะครับ

ถ้าจำเป็นจะต้องเลื่อนก็เลื่อนออกไปก่อน…อย่าฝืนเป็นอันขาด รวมไปถึงแผน 120 วันเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะจะต้องอิงกับโครงการทดลอง นอกจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วยังมีที่อื่นๆ อีก…หากจะต้องเลื่อนไปด้วยก็อย่าไปรู้สึกเสียดาย หรือรู้สึกเสียหน้าที่ไม่เป็นตามที่ท่านประกาศไว้

ผมเองแม้จะเห็นด้วยกับการกำหนดเป้าหมายการเปิดประเทศด้านการท่องเที่ยวเพื่อประโยชน์ในการวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของบิ๊กตู่

แต่ก็ฝากให้พิจารณาเรื่องความปลอดภัยและข้อห่วงใยของคุณหมอทั้งหลายควบคู่ไปด้วยโดยตลอด…

หากทุกอย่างเอื้ออำนวย ลงมือทำแล้วแน่ใจได้ว่าไม่มีปัญหาแทรกซ้อนก็ลุยเลย แต่ถ้าเกิดอะไรหลายๆ อย่างมาทำให้ต้องฉุกคิด โดยเฉพาะเรื่องการระบาดที่กลับพุ่งขึ้นมาอีก ทำให้ยอดผู้ป่วยหนักกำลังจะไม่มีเตียงรักษา…จะตะโกน “ไอ้เสือถอย” คือ หยุดการดำเนินงานไว้ก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะเป็นการถอยมาตั้งหลักให้รอบคอบ

แต่แผนสำคัญที่สุดที่จะเลื่อนไม่ได้เลย และจะต้องพยายามทำให้เข้าเป้าที่สุดเท่าที่จะทำได้คือ แผนฉีดวัคซีน นั่นแหละครับ

ผมว่าหันมาเน้นเรื่องนี้ดีกว่า เร่งรัดให้ผู้ผลิตวัคซีนส่งให้เรา ตามกำหนดนัดโดยไม่บิดเบี้ยว…ในขณะที่เราเองก็ต้องเร่งรัดการฉีดแบบด่วนจี๋ เพื่อให้ได้เป้าหมายที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามที่คาดหวังไว้

ข่าวล่าสุดบอกว่ามากันใหญ่แล้ว โดยเฉพาะสายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์แอฟริกา และ ฯลฯ (ขอเรียกชื่อเก่าอีกสักครั้งนะครับเพราะเข้าใจง่ายกว่าชื่อใหม่) ถ้าไม่เร่งฉีดวัคซีนเดี๋ยวจะเอาไม่อยู่…

คราวนี้ละก็อย่าว่าแต่ 120 วันเลย อาจต้องรอไปถึง 240 วัน คือเพิ่มเวลาอีกเท่าตัวเลยก็ได้…กว่าจะได้เปิดประเทศไทย.

“ซูม”

ข่าว, เปิดประเทศ, โควิด 19, ฉีด, วัคซีน, ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์, ยอดผู้ติดเชื้อ, ท่องเที่ยว, ซูมซอกแซก