ผมเคยเขียนไว้เมื่อเร็วๆนี้ว่า อีกไม่นานนักตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมของไทยจะพุ่งแซงเมียนมาแน่นอน…เพราะของเราทุกวันนี้ยอดติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งสูงวันละ 2,000 กว่าบ้าง 3,000 กว่าบ้างสลับกันมาหลายสัปดาห์แล้ว

ในขณะที่ตัวเลขติดเชื้อใหม่ของเมียนมาแค่วันละ “หลักสิบ” เท่านั้นเอง 28 คนบ้าง 30 คนบ้าง หลายสัปดาห์แล้วเช่นกัน

ถ้าดูจากข้อมูลประจำวันอังคารที่ 25 พ.ค. ในชั่วโมงที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ของไทยเรามียอดสะสมถึงวันที่ 25 พ.ค. อยู่ที่ 132,213 ราย และติดเพิ่มใหม่วันเดียวถึง 3,226 ราย รวมแล้วจึงเป็น 135,439 ราย

ของเมียนมาติดใหม่วันเดียวกันนี้แค่ 30 ราย ยอดรวมสะสมของเขาจึงอยู่ที่ 143,292 ราย หรือมากกว่าเราเพียง 7,753 รายเท่านั้น

หากว่าเรามีเชื้อใหม่วันละ 2,000 กว่าไปเรื่อยๆ และของเขาก็อยู่ที่หลักสิบไปเรื่อยๆ ภายใน 4 หรือ 5 วันเป็นอย่างมากเราคงแซงเขาแน่นอน

อันดับโลกอันไม่พึงปรารถนาของเราก็น่าจะขึ้นจากอันดับ 87 ในวันนี้ไปเป็นอันดับที่ 83 แทนเมียนมาต่อไป

ครับ! ก็เอาเรื่องอันดับเรื่องตัวเลขมาคุยกันเพื่อให้ทราบถึงภาพกว้างๆ เอาไว้ ว่าขณะนี้ไทยเราอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ และกำลังจะเป็นที่เท่าไหร่ของสถานการณ์โควิด-19 โลก

แต่ประเด็นที่น่าหยิบมาพิจารณาก็คือ เราจะเชื่อตัวเลขที่นำเสนอโดยเว็บไซต์ www.worldometers.com และทราบกันดีว่าตัวเลขทั้งหมดรวบรวมและจัดทำโดย มหาวิทยาลัยจอห์นฮ็อปกินส์ ได้มากน้อยเพียงใด?

ถ้าเชื่อตัวเลขนี้ เราก็ต้องเชื่อว่าตัวเลขติดเชื้อรายวัน วันละ “หลักสิบ” คือ 20 กว่าบ้าง 30 กว่าบ้างต่อวัน มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงบัดนี้ของเมียนมาเป็นเรื่องจริง

รวมทั้งต้องเชื่อด้วยว่า เมียนมาเอาอยู่ สามารถลดการระบาดในเมียนมาลงได้ จากที่เคยสูงวันละหลักร้อย หรือหลักพันด้วยซํ้า ในสมัยคุณอองซาน ซูจี ลงเหลือแค่หลักสิบเท่านั้นในยุครัฐบาลทหาร

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็น “ข่าวดี” เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แรงงานเถื่อนจากเมียนมายังคงไหลทะลักเข้ามาสู่บ้านเราโดยตลอด ผ่านช่องทางธรรมชาติวันละหลายๆ รอบ

เท่าที่มีข่าวว่าจับได้บ้าง ก็ดูเหมือนเป็นจำนวนหลายๆ ร้อยราย ส่วนที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจะเป็นกี่พัน หรือเป็นหมื่น…ใครจะไปรู้?

ดังนั้น หากตัวเลขการระบาดในเมียนมาลดลงจริง เราก็น่าจะเบาใจลงได้เล็กน้อย…โดยคาดหวังว่าแรงงานเถื่อนเมียนมา อาจไม่นำเชื้อโรคร้ายมาเผยแพร่ในบ้านเรามากมายเท่าไรนัก

แต่ด้วยสถานการณ์ยึดอำนาจของฝ่ายทหาร และการต่อต้านของประชาชนถึงขั้นมีการประท้วงมีการปราบปรามในหลายๆ จุด อาจเป็นไปได้ที่ความสนใจในการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ของเขาจะลดลง

ไม่มีใครตรวจโรคไม่มีใครรายงานผู้ติดเชื้อ เพราะก็มีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่าบุคลากรทางการแพทย์ของเขาก็ร่วมประท้วงรัฐบาลด้วย…ทำให้ตัวเลขที่เกี่ยวกับโควิด-19 ออกมาแบบกะปริดกะปรอยดังกล่าว

สื่อข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า รัฐบาลทหารแทบไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้เลย และขบวนการในการต่อสู้กับโควิด-19 ที่ริเริ่มไว้ในรัฐบาลเก่าดูเหมือนจะล้มตามรัฐบาลไปด้วย

ครับ! จากรายงานข่าวเหล่านี้แม้จะไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด แต่ก็มีทางเป็นไปได้อย่างมาก เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในเมียนมา โดยแท้จริง…ดังนั้นจึงควรเชื่อข้อสันนิษฐานประการหลังนี้มากกว่าตัวเลขรายงานประจำวันที่ออกมาดังกล่าว

มองจากมุมของประเทศไทยก็คือ ต้องลืมตัวเลขของเมียนมาในตารางของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ไปเลยครับ และให้เชื่อว่าเขายังระบาดเยอะเอาไว้ก่อน…หันมาปิดประตูตายสำหรับชายแดนด้านตะวันตกของเราอย่างเข้มงวดต่อไป และจะต้องจัดการกับพวกลักลอบค้าแรงงานเถื่อนเมียนมาอย่างเด็ดขาด

จับได้เมื่อไร ลงโทษให้หนักๆ หน่อยนะครับ โดยเฉพาะตัวการที่เป็นคนไทยทั้งหลาย…

พวกเห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว โดยไม่เห็นแก่ความ “เสียหาย” ของประเทศชาติแบบนี้ต้องเล่นงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะหนักได้ครับ บิ๊กตู่! ไม่งั้นก็จะไม่มีวันหลาบจำ!

“ซูม”