เลข “10,000” อยู่แค่เอื้อม + ส่งใจถึง “ผู้ว่าฯ” สมุทรสาคร

ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ในช่วงบ่ายๆ ของวันจันทร์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา…พาดหัวของสำนักข่าวออนไลน์ทุกสำนักระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของเราพุ่งขึ้นไปถึง 745 ราย…เป็นสถิติสูงสุดใหม่ในวันเดียวของประเทศ สถิติเก่าก็คือวันที่ 20 ธันวาคมปีที่แล้วที่ขึ้นไปสูงถึง 576 รายต่อวัน โดยส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรสาครในกลุ่มของแรงงานต่างด้าวที่เคยเป็นข่าวใหญ่มาแล้วนั่นเอง

สำหรับยอดสูงสุด 745 ราย ล่าสุดนี้ก็ปรากฏว่าเป็นการติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรสาครในกลุ่มแรงงานต่างด้าวอีกเช่นกัน ถึง 541 ราย จากยอดทั้งหมด

แต่ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวหรือคนไทยเราเองก็ตาม เมื่อเป็นการติดและระบาดในประเทศไทยแล้วก็ถือว่าเป็นตัวเลขรวมของประเทศไปด้วย

ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมของประเทศเรา ณ นาทีที่ผมเขียนต้นฉบับพุ่งไปถึง 8,439 ราย และอาจทะลุ 10,000 ราย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

เห็นตัวเลขแล้วก็ใจแป้วเลยครับ เพราะระบาดรอบที่ 2 นี้มาแรงและรวดเร็วจริงๆ

ซึ่งก็เป็นไปตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก คือระบาดรอบหลังจะแรงกว่ารอบแรกดังเช่นที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ทำให้ทุกประเทศต้องใช้มาตรการที่เข้มกว่าครั้งที่แล้ว และหลายๆ ประเทศซึ่งได้รับวัคซีนมาแล้วต่างก็รีบฉีดทันที

ของเราคงอีกหลายเดือนกว่าจะมีโอกาสได้ฉีดวัคซีนกับเขาบ้าง…ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก นอกจากจะต้องใช้วิธี “ตัวใครตัวมัน” คือทุกๆ คนจะต้องปกป้องตัวเองอย่างสุดฤทธิ์ด้วยอาวุธเท่าที่มีอยู่ คือหน้ากากอนามัยและสบู่หรือแอลกอฮอล์ล้างมือเท่านั้น

รวมทั้งใช้วิธีรักษาระยะห่างทางสังคม เท่าที่จะรักษาได้ให้มากที่สุด

ซึ่งแม้วิธีนี้คุณหมอจะยืนยันว่าป้องกันได้และปลอดภัยไม่แพ้วัคซีน แต่ก็นั่นแหละโอกาสพลั้งเผลอหรือโอกาสพลาดก็มีอยู่เยอะ โดยเฉพาะการล้างมือที่บางครั้งเราก็ลืมไปบ้าง มานึกได้ตอนเอานิ้วแตะปากแตะจมูกเข้าไปเสียก่อนแล้ว

เขียนถึงประเด็นป้องกันเต็มที่แล้วแต่ก็ยังติดเชื้อได้ ผมก็นึกถึงบุคลากรทางการแพทย์ของพวกเราหลายๆ ท่าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองที่ลงไปช่วยดูแลประชาชนอย่างแข็งขันขึ้นมาทันทีกันด้วย เพราะหลายๆ ท่านต่างก็เคยตกเป็นข่าวว่าติดเชื้อมาแล้ว

ผมเชื่อว่าท่านเหล่านี้ความจริงก็ป้องกันตัวเองทุกวิถีทางอยู่แล้ว แต่ก็ยังพลาดติดเชื้อเข้าจนได้ เพราะความแรงของเชื้อหรือบางครั้งก็มีมากเกินจนปกป้องไม่ได้หมด

กรณีของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี และท่านนายกเหล่ากาชาดสมุทรสาคร หรือภริยาของท่านที่ติดเชื้อ ผมก็คาดเดาว่าทั้ง 2 ท่านน่าจะอยู่ในกรณีที่ผมเป็นห่วงนี่แหละ

คือแม้ท่านจะป้องกันตัวเต็มที่แต่ด้วยเหตุที่ทั้ง 2 ท่านเป็นห่วงประชาชนเข้าไปช่วยเหลือหรือเข้าไปแก้ปัญหา เข้าไปให้กำลังใจประชาชนอย่างใกล้ชิด…เจ้าเชื้อมหาภัยก็สามารถระบาดเข้าใส่ท่านได้ในที่สุด

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าท่านผู้ว่าฯ วีระศักดิ์นั้นท่านเป็นคนทำงานจริงจังและอุทิศตนอย่างยิ่งถือคติประจำตัวว่า “ททท” คือ ทำทันที โดยไม่ปล่อยงานทิ้งไว้

นอกจากนี้ท่านยังมีสโลแกนว่า “ทุกที่ในจังหวัดคือที่ทำงานของผม” ซึ่งมีความหมายว่าที่ทำงานหรือโต๊ะทำงานของท่านมิใช่จะอยู่ที่ศาลากลางเท่านั้น แต่จะอยู่ในทุกพื้นที่ หรือทุกตารางนิ้วของจังหวัดที่ท่านเป็นผู้ว่าฯ นั่นเอง

พิสูจน์มาแล้วจากจังหวัดพิจิตรและจังหวัดศรีสะเกษ หรือแม้แต่ที่จังหวัดสมุทรสาครนี่แหละ

ผมดูมิวสิกวิดีโอในยูทูบแนะนำมะพร้าวนํ้าหอม “บ้านแพ้ว” ที่ท่านผู้ว่าฯ ท่านร้องเพลง “แร็ป” ประชาสัมพันธ์มะพร้าวด้วยตัวท่านเองมาหลายครั้ง…ยกนิ้วให้ท่านเลยจริงๆ

ครั้นเกิดเหตุโควิด-19 ปะทุขึ้นที่สมุทรสาครเราก็เห็นท่านลงลุยด้วยตนเอง เข้าพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เพื่อสั่งการแบบวันต่อวัน

ผมขอขอบคุณท่านแทนพี่น้องชาวสมุทรสาครและขอส่งกำลังใจไปถึงท่านและภริยา ซึ่งได้รับการดูแลรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชในขณะนี้ ขอให้หายเจ็บ หายไข้ ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยเร็วที่สุดนะครับ.

“ซูม”

โควิด 19, ซูมซอกแซก, สมุทรสาคร, ระบาด, วัคซีน, ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด