ออนเซนเข็นกระเป๋าเที่ยว “สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย”

“สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ภายในบริเวณสภากาชาดไทย ด้านที่ติดกับจามจุรีสแควร์ 

สวนงู แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2472 โดย  พระบรมวงศานุวงศ์ 4 พระองค์ ประกอบด้วย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ, จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์, กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์ และ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า บุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ร่วมด้วยพระประยูรญาติและมิตรได้ประทานเงินจำนวนหนึ่งให้แก่สภากาชาดไทย ตั้งเป็นทุนชื่อว่า “ทุน 4 มะเสง” เพื่อเพื่อเก็บดอกผลใช้ในการบำบัดรักษาผู้ที่ถูกสัตว์พิษกัด

ต่อมาได้นำทุน 4 มะเสงนี้มาต่อยอดเพื่อสร้างตึกและพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมและศึกษาเกี่ยวกับงู สัตว์มีพิษ และสัตว์ไม่มีพิษต่างๆ อีกทั้งยังเปิดให้ประชาชนที่สนใจอยากศึกษา ได้เข้าชมมาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2472 โดยตั้งชื่อตึกว่า “ตึก 4 มะเสง”

เวลาผ่านไปหลายสิบปี เนื่องด้วยตึก 4 มะเสงมีขนาดเล็กและทรุดโทรมจึงได้รื้อถอนและสร้างเป็นตึก 5 ชั้น แทนที่ตึกเดิมโดยงบประมาณจากรัฐบาลและสภากาชาดไทย ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จฯ เปิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2551

“สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย” มีที่จอดรถพอสมควรค่ะ แต่แนะนำให้จอดที่จามจุรีสแควร์ หรือนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีจามจุรีสแควร์ แล้วเดินมาจะสะดวกกว่าค่ะ

ที่สวนงูนี้เปิด 9:30 – 15:30 น. (เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะปิดเร็วหน่อยเวลา 13:00 น.) ค่าเข้า 40 บาท, นักเรียนนักศึกษา 20 บาท, เด็ก 10 บาท ส่วนผู้สูงอายุและเด็กเล็กเข้าชมฟรี

วันธรรมดา 11:00 น. มีโชว์รีดพิษงู, 14:30 น. โชว์จับงู ส่วนวันหยุดจะมีเฉพาะโชว์จับงู เวลา 11:00 น.

ที่นี่มีพื้นที่แสดงงูพอสมควร สามารถเดินชมงูได้บริเวณสวนกลางแจ้ง โดยกรงรอบนอกอัฒจันทร์จะเป็นงูขนาดใหญ่ อาทิ งูเหลือม งูหลาม และงูอนาคอนด้า ส่วนตรงกลางระหว่างอัฒจันทร์เป็นทางลาดไม้ซึ่งออกแบบมาให้เดินวนเพื่อชมงูขนาดเล็กหลากหลายสายพันธุ์ แม้ว่าสวนกลางแจ้งนี้จะร้อนไอแดด แต่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และหลังคาบริเวณอัฒจันทร์ ตรงพื้นหน้าตึกมีกราฟิตี้สวยๆ ด้วยนะคะ

ถัดไปเราก็เดินไปที่ “ตึก 4 มะเสง” ด้านในตึกมีแอร์เย็นสบายชื่นใจค่ะ ชั้นล่างแสดงนิทรรศการสำหรับงูพิษชนิดสำคัญที่พบได้บ่อย งูไม่มีพิษที่มีประโยชน์และน่าสนใจ รวมทั้งงูบกและงูน้ำจืด แนะนำให้อ่านป้ายความหมายสัญลักษณ์ที่ใช้ก่อนเข้าชมเพื่อได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ

ออนเซนสนใจบ่องูน้ำจืดมาก เพราะเจ้าหน้าที่เพิ่งนำปลาตัวเล็กมาปล่อยให้เป็นอาหาร งูว่ายหาเหยื่อไวมาก ชั้นนี้มีห้องสาธิตการรีดพิษงูอีกด้วย แต่จะแสดงเป็นรอบๆ ค่ะ

ชั้นที่ 2 จัดแสดงนิทรรศการวิวัฒนาการของงู กายวิภาคของงู ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับงู วิดีโอแสดงการออกฤทธิ์ของพิษงู การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องเมื่อถูกงูพิษกัด ออนเซนสนใจการลอกคราบของงู และอวัยวะของงู เกิดคำถามมากมายเลยค่ะ

ระหว่างรอเวลาโชว์จับงู เราก็เดินไปหาไอศกรีมและน้ำเย็นๆ ทานที่ร้านอาหารด้านหน้า ออนเซนติดใจข้าวเหนียวมะม่วง 40 บาท ทานอิ่มจนจุกเลยค่ะ อร่อยราคาประหยัด

พอบ่าย 2 ผู้คนก็เริ่มทยอยไปนั่งบนอัฒจันทร์ เราเดินไปยังอัฒจันทร์ตอน 14:15 น. คนนั่งเต็มไปแล้วฟากหนึ่ง สักพักเจ้าหน้าที่ก็มากั้นและทำความสะอาดพื้นบริเวณหน้าอัฒจันทร์ แล้วทยอยขนกล่องใส่งูมาพักไว้ใต้อัฒจันทร์

โชว์จะเริ่มตรงเวลาค่ะ มีวิทยากรอธิบายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

ที่มีบรรยายภาษอังกฤษก็เพราะ…จากสถิติผู้เข้าชมปีละประมาณ 4 หมื่นคน กว่า 60% จะเป็นนักนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เหลือก็จะเป็นเด็กนักเรียน และนักท่องเที่ยวชาวไทย

โดยโชว์จะเริ่มด้วย”โชว์จับงูด้วยมือเปล่า” วิธีต่างๆ มีทั้งงูจงอาง งูเห่า งูสามเหลี่ยม งูปล้องทอง งูเขียวหางไหม้ งูทางมะพร้าว และงูแสงอาทิตย์ ออนเซนตื่นเต้นกับงูแสงอาทิตย์ เพราะเมื่อส่องแดดจะเห็นเกล็ดงูเป็นสีรุ้งค่ะ

ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพคู่กับงูหลามพม่า และงูหลามทองซึ่งเป็นงูไม่มีพิษค่ะ คราวนี้มีเรื่องระทึกเล็กน้อย พอออนเซนเผลอบีบหางงูหลามเล่น งูก็สะบัดหางออกแล้วเลื้อยพันรอบคอคุณยายทันที ตกใจหมดเลยค่ะ แต่ทุกคนปลอดภัยเพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ

สิ่งที่ออนเซนได้จากการไปสวนงูในครั้งนี้ก็คือได้ความรู้เกี่ยวกับงู รวมไปถึงการได้รู้จักงูมากมายหลายชนิด แต่งูที่ออนเซนถูกใจและจำได้แม่นเลยก็คือ “King Cobra” หรือ “งูจงอาง” เพราะกลับมาบ้านจะพูดถึงแต่งูนี้ตลอดเวลา

ออนเซนเข็นกระเป๋า