สืบสาน รักษา และต่อยอด ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา นับเป็นวันแห่งความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้วันหนึ่งในชีวิตของผม ในฐานะที่เกิดมาเป็นประชาชนของแผ่นดินไทย และเป็นพสกนิกรภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ แห่งบรมราชจักรีวงศ์

ตั้งแต่เวลา 10.09 น. เป็นต้นมา ผมนั่งเฝ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยตลอดจนจบพระราชพิธีช่วงเช้า

ได้เห็นได้รู้ และได้ดื่มด่ำซึมซับกับพระราชพิธีอันเป็นโบราณราชประเพณีในทุกขั้นตอน นับแต่พิธีสรงน้ำมุรธาภิเษก พิธีรับน้ำอภิเษก ไปจนถึงห้วงเวลาที่สำคัญที่สุดของพระราชพิธี…ทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงขรรค์ชัยศรี ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ

ครั้นเมื่อทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎแล้ว โดยพระราชประเพณีถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ ก็ทรงเปล่งพระปฐมบรมราชโองการ ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

ผมยกมือขึ้นประนมน้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว ด้วยรู้สึกตื้นตันและสำนึกในพระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงย้ำว่า จะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” คือพระปฐมบรมราชโองการของพระบรมชนกนาถในหลวงรัชกาลที่ 9 และได้ทรงดำเนินการมาโดยตลอด นำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ปวงชนชาวสยามตราบเท่าทุกวันนี้

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีพระปฐมบรมราชโองการว่า จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดการครองแผ่นดินโดยธรรมต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความปลื้มปีติและตื้นตันใจอย่างหาที่สุดมิได้ จากพสกนิกรชาวไทยทั้งมวล

ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของประชาชนชาวไทยกว่าค่อนประเทศก็ได้กระมัง ที่ได้มีโอกาสได้เห็นได้ชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนเช่นนี้

เมื่อครั้งพิธีบรมราชาภิเษกในหลวง ร.9 ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 นั้น ผมเพิ่งมีอายุ 9 ขวบเท่านั้น แทบจะจดจำเหตุการณ์ใดๆ มิได้เลย หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ในยุคนั้น ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะยังมีชีวิตอยู่ใน พ.ศ.นี้ ก็อาจได้เห็นเพียงภาพข่าวและอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น

แม้แต่การถ่ายทอดเสียงทางวิทยุ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะมีแล้วหรือไม่ แต่การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์นั้นไม่มีแน่นอน

ประชาชนชาวไทยเมื่อ พ.ศ.2493 ส่วนใหญ่จะได้รับรู้รับทราบถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในขั้นตอนที่สำคัญยิ่งที่ประกอบขึ้นภายในพระที่นั่งต่างๆ จากรายงานข่าวและภาพบางภาพจากหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้นเป็นส่วนมาก

มีบ้างที่อาจจะได้ดูชมในภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ที่มีการนำออกฉายเป็นภาพยนตร์ข่าวตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในภายหลัง

จึงนับเป็นโชคดีของพสกนิกรไทยในยุคนี้ รวมทั้งผมด้วยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นพระราชพิธีโดยละเอียดใน พ.ศ.2493…สามารถที่จะได้เห็นได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนในรัชกาลปัจจุบัน

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ยังมีอีกวันหนึ่งและก็เป็นหนึ่งในพิธีสำคัญ ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์แห่งความทรงจำเช่นเดียวกัน

16.30 น. วันนี้ (จันทร์ที่ 6 พ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 จะเสด็จออกให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท บริเวณถนนสนามไชย

คาดว่าจะมีพสกนิกรชาวไทยไปเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยอย่างเนืองแน่นอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ ด้วยตนเองได้ก็ขอได้โปรดติดตามการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และร่วมเปล่งเสียงทรงพระเจริญไปพร้อมๆ กัน

ดังที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อ 2 วันก่อนนั่นแหละครับว่า การเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ด้วยความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแก่ประเทศชาติของเรามาโดยตลอดนั้น…

ไม่ว่าจะเปล่งจากแห่งหนใดของประเทศ ย่อมทราบถึงพระเนตรพระกรรณและมีความสำคัญเท่าเทียมกันทุกประการ.

“ซูม”