บันทึกวันฝนถล่มกรุง “ใต้ดิน” มีความสุขที่สุด

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา เกิดพายุฝนถล่มกรุงครั้งใหญ่ ตั้งแต่ราวๆ 5 โมงเย็นไปจนถึง 2 ทุ่มเศษๆ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังในหลายๆจุดของกรุงเทพมหานคร

รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวว่า นอกจากน้ำท่วม รถติดสาหัสสากรรจ์แล้ว ยังมีต้นไม้และป้ายโฆษณาหักโค่นพังทลายลงมาในหลายๆจุดเช่นกัน

ผมอยู่ในเหตุการณ์พอดีเลยครับ เพราะอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ขณะฝนตกหนักได้พบ ได้เห็นและได้สัมผัสบรรยากาศ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องชาว กทม. ในค่ำคืนอันแสนสาหัสที่ว่านี้ด้วย…ขออนุญาตนำมาเล่าสู่กันอ่าน เพื่อแชร์ประสบการณ์นะครับ

จริงๆแล้ว ตั้งใจจะเล่าตั้งแต่ฉบับวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่พอดีโลกเรามีข่าวดี กรณีเกาหลีเหนือจับมือเกาหลีใต้ เตรียมหยุดสงคราม “ศึกสายเลือด” กว่า 70 ปีอย่างถาวร…ผมเห็นว่าข่าวนี้สำคัญกว่า จึงอุทิศเนื้อที่เขียนให้ถึง 2 วันซ้อนๆ

มาเขียนถึงเหตุการณ์ “ฝนถล่มกรุง” ในวันนี้ ก็คงไม่สายเกินไป เพราะแม้ขณะที่นั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ฝนก็ยังตกอยู่เลย และมีข่าวว่าจะตกอีกหลายวัน ชื่นฉ่ำไปจนถึงปลายๆสัปดาห์โน่นแหละครับ

สำหรับเมื่อวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ความจริงก็มีสิ่งบอกเหตุมาก่อน 2-3 วันแล้ว คือ จู่ๆก็มีพายุ มีฝนตกหนักเข้ามาเป็นระลอกในวันพฤหัสบดี แต่แล้วก็หายไป ท้องฟ้าแจ้งสนิทตลอดเช้าถึงบ่ายวันศุกร์

ผมเรียกรถโรงพิมพ์ให้ช่วยไปส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ด้านหลังโรงพิมพ์ตอน 6 โมงเย็นพอดีเลย เพราะได้ยินเสียงฟ้าครืนๆมาแต่ไกล คิดว่าถ้าจะเดินไปเอง คงไม่ทันแน่ๆ

ปรากฏว่า พอผมขึ้นนั่งรถ ฝนก็ตกพอดี และพอเจ้าน้องพนักงานขับรถหันหัวรถไปถึงประตูหลังไทยรัฐ ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก

แผล็บเดียวเท่านั้น น้ำก็ท่วมถนนในซอยหลังโรงพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นซอยเดียวกับทางเข้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สีนั่นแหละครับ

ทำให้รถซึ่งธรรมดาก็แน่นอยู่แล้วในซอยนี้ ในช่วงเย็นๆแบบนี้ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนได้เป็นเวลานาน ก่อนจะขยับได้ครั้งละ 10 เซ็นติเมตร 20 เซนติเมตร ทำให้ผมต้องใช้เวลา 45 นาทีเต็มๆ กว่ารถจะกระดื๊บไปถึงสถานีบีทีเอสหมอชิตได้

ถึงสถานีรถไฟฟ้าแล้วก็ไม่รู้จะลงจากรถเก๋งได้ยังไง เพราะฝนยังเทลงมาตลอด เปิดประตูรถเมื่อไร มีหวังเปียกปอนจากน้ำฝนเมื่อนั้น

เจ้าน้องคนขับรถหัวแหลมกว่าผม ตัดสินใจขับรถต่อไปจนถึงบริเวณใต้สถานี ซึ่งเปรียบเสมือนหลังคาขนาดใหญ่กันฝนเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง

ผมจึงลงจากรถได้ และโชคดีที่น้องเบียดมาให้จนติดขอบถนนตรงหน้าเต็นท์ตำรวจรักษาการณ์ ซึ่งเป็นเต็นท์ใหญ่ และปกติจะมีทหารมานั่งด้วย

ทำให้ผมกระโดดไปยืนในเต็นท์ได้ โดยไม่เปียกและไม่ต้องลุยน้ำ แต่ก็ต้องเบียดเสียดกับผู้คนที่หลบฝนอยู่ก่อนแล้วเกือบ 30-40 คน

จากจุดนั้นจะไปขึ้นบันไดเลื่อนรถไฟฟ้าบีทีเอสก็ไม่ได้ เพราะอยู่ไกลพอสมควร และฝนก็ตกหนักมาก ร่มเล็กๆที่ผมถืออยู่ช่วยไม่ได้แน่นอน

แต่ก็โชคดีที่อยู่ใกล้ทางลงรถใต้ดิน สถานีสวนจตุจักรในระยะไม่เกิน 5 เมตร พอจะวิ่งไปถึงได้โดยไม่เปียกมากนัก ภายใต้การคุ้มศีรษะของร่มเล็กๆที่ว่า

ผมมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานี รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง ซึ่งแม่บ้านผมทำงานอยู่แถวๆคลองตัน นัดไว้ว่าจะขับรถมารับ

ปกติผมจะไปด้วยบีทีเอส เพื่อต่อที่สถานีพญาไท ซึ่งเป็นต้นทางแอร์พอร์ตลิงก์ ไม่กล้าไปด้วยรถใต้ดิน ซึ่งจะต้องไปต่อที่สถานีเพชรบุรี แล้วเดินไปที่สถานีมักกะสัน อันจะมีผู้คนทั้งไทยและนักท่องเที่ยวรออยู่อย่างล้นหลาม โอกาสจะได้ขึ้นแอร์พอร์ตลิงก์ที่มักกะสันอย่างรวดเร็วในช่วงเย็นๆ จะยากมาก เพราะเต็มจนล้นมาจากพญาไทเสียแล้ว

แต่คืนนี้ผมเจอไฟต์บังคับ เพราะยังไงๆก็ฝ่าฝนไปขึ้น BTS ไม่ได้… ฉะนั้นจะต้องวิ่งไปลงหลุมรถใต้ดินสวนจตุจักร เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีมักกะสัน โดยไม่มีทางเลือก

ปรากฏว่าผมตัดสินใจถูกครับ…ทำให้ผมกลับถึงบ้านเร็วกว่าที่คาด และได้พบกับประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจในสถานีรถใต้ดินต่างๆของกรุงเทพมหานครในวันฝนตกหนัก ซึ่งกลับกลายเป็นวันที่ผมมีความสุขอย่างมากวันหนึ่งในรอบหลายๆปีที่ผ่านมา!

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

“ซูม”