คนไทยกับ “นายกรัฐมนตรี” ไฉนรักกันแค่ “8 ปี” เท่านั้น?
ตลอดสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานข่าวว่าฝ่ายค้านกำลังวางแผนจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 158 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของบิ๊กตู่
	ตลอดสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานข่าวว่าฝ่ายค้านกำลังวางแผนจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 158 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของบิ๊กตู่
	เมื่อวานนี้เราพูดกันถึงชัยชนะในสภาของบิ๊กตู่กับรัฐมนตรีของท่านที่สามารถผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคลมาได้ครบถ้วนทุกคน
	ดูเหมือนผมจะเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้บ้างแล้วว่า วิกฤติของประเทศเราครั้งนี้ เป็นวิกฤติที่ใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมา 80 ฤดูพอดิบพอดีอย่างผมจะเคยพานพบ
	กราบเรียนท่านผู้อ่านไว้ตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว…แล้วนะครับว่า เราจะหยุดพักรายการ “เสาร์สารพัน” ชวนเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ในทุกๆ วันเสาร์เอาไว้ชั่วขณะ เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการใช้นโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ในการต่อสู้กับโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรอบสอง
	ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกหลังแถลงนโยบายไปเรียบร้อย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยการแบ่งงานช่วยกันดูแลกระทรวงต่างๆ ของท่านนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีทั้งหลาย
	ผมต้องส่งต้นฉบับวันนี้ประมาณ 5 โมงเย็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาปิดหีบเลือกตั้งพอดิบพอดี และคงอีกนานกว่าผลการนับคะแนนจะแล้วเสร็จ
	ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน “บิ๊กตู่” ให้เป็นนายกฯ คนต่อไป ภายหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
	เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ผมกลับจากการไปเดินออกกำลังที่สวนสาธารณะข้างบ้านก็เหลือบไปเห็นเอกสารคล้ายเอกสารโฆษณาสินค้ามาเสียบอยู่ที่กล่องรับจดหมายเล่มหนึ่ง
	ข้อดีอย่างหนึ่งของการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ก็คือ ก่อนที่เราจะไปเข้าคูหากาบัตรนั้น เราพอจะรู้กันอยู่แล้วว่า ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเรา หลังเลือกตั้ง
	ผมแว่บไปเวียงจันทร์เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มา 3 วันกับ 2 คืน เมื่อศุกร์–เสาร์–อาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้ข้อมูลได้ความรู้และได้บุญกลับมาด้วย เพราะคณะผู้เชิญเขาจัดให้ไปไหว้พระไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พี่น้องชาวลาวให้ความเคารพนับถือมาหลายแหล่งหลายที่