เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักสำรวจประชามติทางการเมืองที่มีชื่อเสียงพอสมควรอันได้แก่ สำนัก “ซูเปอร์โพล” ได้เผยผลการสำรวจความเห็นของประชาชนใน 400 เขตเลือกตั้ง จำนวน 6,073 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-13 เมษายน 2566 สรุปได้ว่า

ประชาชนตัวอย่างร้อยละ 61.4 ตอบว่า จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งและร้อยละ 38.6 ตอบว่าจะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

สำหรับผลการเลือกตั้งประมวลจากผู้ตอบคำถามประมาณการได้ว่า พรรคเพื่อไทย จะเข้าวินเป็นที่ 1 โดยจะได้ ส.ส.เขต 133 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 27 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 160 ที่นั่ง โดยมีค่าต่ำสุด 135 ที่นั่ง และสูงสุดที่ 185 ที่นั่ง

พรรคภูมิใจไทย จะได้ที่ 2 โดยจะได้ ส.ส. เขต 101 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 121 ที่นั่ง และมีค่าต่ำสุด 96 ที่นั่ง สูงสุด 146 ที่นั่ง

อันดับ 3 ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ คาดว่าจะได้ ส.ส.เขต 53 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 64 ที่นั่ง โดยจะมีค่าต่ำสุด 39 ที่นั่ง และสูงสุด 89 ที่นั่ง

อันดับ 4 จะเป็นของ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคาดว่าจะได้ ส.ส.เขต 44 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 8 ที่นั่ง รวมแล้วได้ 52 ที่นั่ง และมีค่าต่ำสุด 27 ที่นั่ง สูงสุด 77 ที่นั่ง

อันดับ 5 ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้จำนวน ส.ส.เขต 35 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 8 ที่นั่ง รวม 43 ที่นั่ง และมีค่าต่ำสุด 18 ที่นั่ง สูงสุด 68 ที่นั่ง

อันดับ 6 คาดว่าจะเป็น พรรคก้าวไกล ได้ ส.ส.เขต 10 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 12 ที่นั่ง รวมเป็น 22 ที่นั่ง และในข่าวมิได้ระบุค่าต่ำสุดไว้ แต่ระบุค่าสูงสุดของพรรคก้าวไกลจะอยู่ที่ 47 ที่นั่ง

สำหรับพรรคอื่นๆ คาดว่าจะได้ ส.ส.เขต 24 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 14 ที่นั่ง รวมเป็น 38 ที่นั่ง โดยมีค่าต่ำสุด 13 ที่นั่ง และสูงสุด 63 ที่นั่ง

หลังจากมองภาพทั้งหมดแล้วซูเปอร์โพลก็ฟันธงว่า “ข้อมูลใหม่จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าแลนด์สไลด์ไม่มีอยู่จริงกับพรรคการเมืองใดๆ ในภาพรวมของประเทศ”

ถ้าผลออกมาเป็นไปอย่างซูเปอร์โพล กลุ่มพรรคการเมืองที่ร่วมกันเป็น รัฐบาล ชุดปัจจุบันคงจะรู้สึกพอใจ เพราะโอกาสที่ฝ่ายตนจะได้จัดตั้งรัฐบาลจะค่อนข้างสูง

เพราะ พรรคเพื่อไทย ได้ที่ 1 ก็จริง แต่จะไม่มากพอ และตอนหลังๆ ก็มีข่าวว่าจะไม่รวมกับใคร และบางพรรคที่จะไปรวมด้วยก็ออกข่าวว่าไม่รวมแล้ว ทำให้โอกาสจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างน้อย

แม้จะได้สิทธิก่อนเพราะเป็นที่ 1 แต่ถ้าจำนวน ส.ส. ออกมาตามนี้ คงต้องถอยในที่สุด

ส่วนกลุ่ม รัฐบาลเก่า รวมแล้วยังไม่ถึงกึ่งของ ส.ส. จำเป็นต้องดึงพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ซูเปอร์โพลบอกว่ามีเสียงรวมถึง 38 ที่นั่งมาร่วม จึงจะเกิน 250 เสียง คุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรไว้ได้

ซึ่งก็คงไม่ยากนัก เพราะใครๆ ก็อยากร่วมรัฐบาล ขอให้มีตำแหน่งแห่งที่ดีๆ มาแลกเปลี่ยนก็แล้วกัน

โอกาสจัดตั้งรัฐบาลของกลุ่มเก่าจึงน่าจะมีมากกว่าพรรคเพื่อไทย ส่วนว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นคงต้องไปตกลงกันอีกที

เพราะถ้าตัวเลขเป็นแบบนี้ทุกพรรคก็มีสิทธิเสนอชื่อแคนดิเดตได้หมด เช่น รวมไทยสร้างชาติถ้าได้ 43 ที่นั่งจริง ก็เกิน 25 ที่นั่งเสนอ “บิ๊กตู่” ได้อยู่แล้ว

พลังประชารัฐได้ 64 ที่นั่งก็เสนอบิ๊กป้อมได้ ภูมิใจไทยได้ 96 ที่นั่งก็เสนอคุณอนุทินได้ และประชาธิปัตย์ถ้าได้ตามโพลรวม 52 ที่นั่งก็เสนอคุณจุรินทร์ได้เช่นกัน

เผลอๆ คุยกันไปคุยกันมา วัวเคยขาม้าเคยขี่ โอกาสที่ “บิ๊กตู่” จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง จึงมีความเป็นไปได้

แต่ก็ต้องดูกันต่อไปครับว่า “ซูเปอร์โพล” จะแม่นหรือไม่? เพราะในอดีตเคยมีเสียงวิจารณ์ว่า โพลนี้ค่อนข้างเอียงไปทางบิ๊กตู่ และรัฐบาลชุดเก่าอยู่ไม่น้อย แม้คณะผู้จัดทำโพล ซึ่งเริ่มมาจาก เอแบค มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีชื่อเสียงจะยืนยันว่าใช้หลักวิชาการ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม

สรุปของสรุป…จากนี้ไปเหลือแค่ 27 วันเท่านั้น การเลือกตั้งก็จะเริ่มขึ้น “ซูเปอร์โพล” จะ “ออกทะเล” หรือ “แม่นเป๊ะ” เดี๋ยวก็รู้ละครับลุง.

“ซูม”