งามลํ้า “ตะวัน” ต่างเวลา โขงเจียม+แหลมพรหมเทพ

ยังคงอยู่ในช่วงเวลา “เที่ยวทิพย์” ของทีมงานซอกแซกนะครับสัปดาห์นี้…ในโครงการรำลึกความหลัง “10 สถานที่ท่องเที่ยวแห่งความทรงจำ” ของหัวหน้าทีมที่เคยไปมาแล้วในอดีต และอยากจะกลับไปอีกเมื่อโรคระบาดโควิด-19 ซาลงในอนาคต

เราเริ่มกันด้วยอันดับ 1 อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา และอันดับ 2 ยอดดอยแม่สลอง+ดอยตุง จังหวัดเชียงราย ในสัปดาห์แรก…และมาถึงอันดับ 3 เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก+แพกลางนํ้า ทะเลสาบดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ที่แม้จะอยู่คนละจังหวัดแต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของ เขื่อนภูมิพล จึงจัดให้เป็นอันดับ 3 ร่วมกัน

สัปดาห์นี้เข้าสู่อันดับ 4 ควบคู่ไปกับอันดับ 5 เลยนะครับ…ความจริงจะถือว่าเป็นอันดับ 4 ด้วยกันก็คงได้…เพราะมีความสวยความประทับใจพอกัน และสืบเนื่องมาจาก “ดวงตะวัน” หรือ “พระอาทิตย์” ดวงเดียวกันนั่นเอง

สถานที่แรกเป็นจุด พระอาทิตย์ขึ้น จุดแรกของแผ่นดินไทย และอีกสถานที่เป็นจุดพระอาทิตย์ตกจุดสุดท้ายของประเทศไทย…ก็เลยต้องให้จุดพระอาทิตย์ขึ้นเป็นอันดับ 4 และจุดพระอาทิตย์ตกเป็นอันดับ 5 ตามคิวก่อนหลังตามระเบียบ

เรามาเริ่มกันที่อันดับ 4 “ตะวันขึ้นที่อำเภอโขงเจียม” กันเลยครับ ซึ่งก็คงจะเป็นที่คุ้นเคยของท่านผู้อ่านที่มักได้ยินเสียงโฆษกของสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยรุ่นเก่าประกาศข่าวกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า พระอาทิตย์จะขึ้น ที่บริเวณ ผาชะนะได อำเภอ โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ในเวลาเท่านั้นเท่านี้ของแต่ละวัน

ซึ่ง ณ ผาชะนะได นั่นเองที่กรมอุตุนิยมวิทยาจะไปตั้งจุดวัดตะวันขึ้นเอาไว้ถือเป็นจุดแรกของประเทศที่จะได้เห็น “ดวงตะวัน” ก่อนที่อื่นใด

หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสไปสำรวจอำเภอ โขงเจียม อันเป็นที่ตั้งของ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และ ผาชะนะได ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานเมื่อ พ.ศ.2523-2524 ประมาณ 40 ปีเช่นเดียวกัน

ข้อมูลกว้างๆ ระบุว่าอำเภอโขงเจียมซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานีนั้น ถือเป็นจุดที่อยู่ทางทิศตะวันออก “ที่สุด” ของประเทศไทย และตั้งอยู่ ณ ริม แม่นํ้าโขง อันเป็น “จุดสุดท้าย” ที่แม่นํ้าสายยิ่งใหญ่ของเอเชียสายนี้ ไหลผ่านประเทศไทยเข้าสู่ประเทศลาวไปสู่กัมพูชา และลงสู่ทะเลที่หมู่บ้าน วินฮือ ประเทศเวียดนาม

แม้จะเป็นอำเภอยากจนและห่างไกลสุดชายแดนอำเภอหนึ่ง แต่ชาวโขงเจียมก็อยู่เย็นเป็นสุขไม่อดอยากขาดแคลน เพราะมีแม่นํ้าไหลผ่านทั้งแม่นํ้าโขงและแม่นํ้ามูล ประชาชนสามารถทำนาทำไร่และทำการประมงจับปลาต่างๆ ทั้งเพื่อการบริโภคในครัวเรือนและทำปลาร้าปลาแห้งจำหน่ายเป็นที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่ยุคโน้น

ทีมงานสำรวจเศรษฐกิจและสังคมของพวกเราไปนอนค้างหนึ่งคืน จำได้ว่าเป็นโรงแรมไม้ในตลาด มีพัดลมอยู่บนเพดาน…ความประทับใจจะอยู่ที่ริมแม่นํ้าที่เรียกกันว่า “แม่นํ้า 2 สี” อันเป็นที่บรรจบระหว่าง แม่นํ้าโขง ซึ่งมี สีปูน กับ แม่นํ้ามูล ซึ่งมี สีคราม…และเลยจุดนั้นไปไม่ไกลนักจะเป็นเขต แดนของ สปป.ลาว จำชื่อตำบลไม่ได้เสียแล้ว… แต่จะเป็นจุดสุดท้ายของแม่นํ้าโขง ที่ผ่านใน ประเทศไทยเรา

เพื่อนๆ ราชการที่อำเภอโขงเจียมแนะนำพวกเราว่าอยากเห็น “แสงตะวัน” แสงแรกของสยามต้องขึ้นไปที่ ผาชะนะได ซึ่งอยู่ไกลจากตัวอำเภอพอสมควร และต้องขับรถขึ้นเขา ซึ่งสมัยนั้นหนทางยังไม่สะดวกเราจึงตัดสินใจนอนค้างอยู่ที่อำเภอโขงเจียม

ผ่านไปดูแม่นํ้า 2 สีตอนบ่ายๆ แวบหนึ่งขณะเข้าสำรวจหมู่บ้านแล้วกลับมารับประทานอาหารเย็นยามคํ่าคืนที่ริมฝั่งโขง และตื่นแต่เช้ามาดู “พระอาทิตย์ขึ้น” ที่บริเวณแม่นํ้า 2 สีอีกครั้ง …แม้จะไม่ถึงขั้นเป็น “แสงแรก” ถ้าเทียบกับ ผาชะนะได แต่ก็ถือเป็น “แสงที่สอง” หรือ “ที่สาม” เพราะอยู่ในอำเภอโขงเจียมเดียวกัน… แค่นี้ก็พอแล้วละ

วันรุ่งขึ้นก่อนกลับเราแวะไปดูที่ ผาแต้ม แหล่งอารยธรรมประวัติศาสตร์ภาพเขียนสีศิลปะในถํ้าผืนยาวที่สุดของประเทศไทยอีกครั้ง

เราให้คำแนะนำท่านนายอำเภอสมัยโน้นไว้ด้วยว่า ต้อง ประชาสัมพันธ์ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยนะ จะเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของอำเภอ โขงเจียม

ทีนี้ก็มาว่ากันถึงอันดับ 5 แหลมพรหมเทพ จุดที่ดวงตะวันลับฟ้าอำลาประเทศไทยเป็นจุดสุดท้ายของแต่ละวันกันบ้าง

หัวหน้าทีมซอกแซกเองดูเหมือนจะไปกว่า 10 ครั้งแล้วในชีวิต เพราะลงไปภูเก็ตบ่อยมาก…ไปครั้งแรก พ.ศ.2510 ด้วยซํ้า ยังจำได้นั่งรถเมล์แบบ บขส. ไม่มีแอร์ไปจากสุราษฎร์ธานี ผ่านไปหลายจังหวัดก่อนไปข้ามสะพาน สารสิน ที่เชื่อมกับจังหวัดพังงาเข้าสู่เกาะภูเก็ต

ไม่อยากจะคุยแต่ก็ต้องคุยเสียหน่อยว่าวันที่เราข้ามสะพานสารสินไปนั้น เขายังไม่เก็บธงทิวที่ประดับประดาอยู่ตามราวสะพานเลยครับ… เพราะเพิ่งเป็นวันที่สามของการเปิดใช้สะพาน ซึ่งตั้งชื่อตามนามสกุลของ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ใน พ.ศ.ดังกล่าว ท่าน พจน์ สารสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของประเทศไทยที่อยู่ในตำแหน่ง 101 วัน… เพื่อจัดการเลือกตั้งหลัง จอมพลสฤษดิ์ ปฏิวัติ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นั่นเอง

จำได้ว่า แหลมพรหมเทพ ยุคนั้นไปยากกว่ายุคนี้ เพราะถนนแคบและยังขรุขระอยู่ แต่ใช้เวลาน้อยกว่าเยอะ เพราะรถไม่ติด…แถมผู้คนก็ไม่มาก แค่หลักร้อยเฉพาะคนท้องถิ่นเท่านั้น…

ไม่เหมือนปีล่าสุดที่หัวหน้าทีมไปเยือนก่อนโควิด-19 ระบาด 1 ปี…ยังจำได้นักท่องเที่ยวรวมแล้วหลายพัน และ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นนักท่องเที่ยวจีน (รถติดมาก หลังพระอาทิตย์ตกแล้วกว่าจะฝ่าออกมากินอาหารเย็นได้น่าจะเกือบๆ 2 ชั่วโมง)

แต่ไม่ว่า 50 กว่าปีก่อนโน้นหรือเดี๋ยวนี้…ต้องยอมรับว่า แหลมพรหมเทพ คือจุดตะวันตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลย…ไม่ใช่เฉพาะของประเทศ ไทยเราเท่านั้นหรอกครับ.

“ซูม”

ข่าว, เที่ยวทิพย์, ผาชะนะได, แหลมพรหมเทพ, พระอาทิตย์ขึ้น, อำเภอ, โขงเจียม, ซูมซอกแซก