เดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมกับ สถาบันการเงินชั้นนำ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย กับโครงการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐและภาคเอกชน เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ เพื่อเศรษฐกิจไทย
กับโครงการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”

จับมือ สถาบันการเงินชั้นนำ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารออมสิน เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟู SOFT LOAN และเพิ่มศักยภาพ ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย กว่า 6,000 ราย  ได้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย  และรักษาการจ้างงาน เพื่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

นางสาวศุภลักษณ์  อัมพุช  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (MS. SUPALUCK UMPUJH, CHAIRWOMAN, THE MALL GROUP CO., LTD.) กล่าวว่า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะองค์กรเอกชนของคนไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างคนไทยมาตลอด  โดยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฝ่าวิกฤตโควิด-19  ด้วยมาตรการความช่วยเหลือในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง  นับแต่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

ประกอบด้วย 4 มาตรการ  คือ มาตรการรณรงค์ “ฉีดวัคซีน เพื่อชาติ”, มาตรการ “บริจาค ฟันฝ่าวิกฤตการณ์โควิด-19”, มาตรการ “สนับสนุน SME และเกษตรกรไทย” และมาตรการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”

  1. มาตรการรณรงค์ “ฉีดวัคซีน เพื่อชาติ”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป  ได้ผนึกความร่วมมือเอกชนทุกภาคส่วน  สนับสนุนภาครัฐเพื่อให้การฉีดวัคซีน
โควิด-19  เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งด่วน  เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19  โดยการสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ ในการจัดตั้งหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19  ด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท สนับสนุนพื้นที่  6 สาขา แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ เดอะมอลล์ บางกะปิ,  เดอะมอลล์ บางแค, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน, พื้นที่ จังหวัดนนทบุรี ได้แก่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน และพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ เดอะมอลล์ โคราช รวมกว่า 16,800 ตร.ม. โดยจะดำเนินการระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง ธันวาคม 2564 ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี และ จังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 2,000 – 5,000 คน / สาขา รวมทุกสาขา 12,000 คน / วัน หรือ 400,000 คน / เดือน

นอกจากนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังได้จัดหาเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร เพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อยระหว่างดำเนินงาน  พร้อมสนับสนุนชุดอาหาร-เครื่องดื่ม สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดการดำเนินงาน

2. มาตรการ “บริจาค ฟันฝ่าวิกฤตการณ์โควิด-19”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป เล็งเห็นว่าโรงพยาบาลต่างๆ ประสบปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ร่วมบริจาค “เงิน” และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับ 5 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี   โรงพยาบาลราชวิถี  และสถาบันบำราศนราดูร  เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ที่สำคัญทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย โดยในปี 2563  ได้ร่วมบริจาคเงิน และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมมูลค่า 20 ล้านบาท  และปี 2564  อยู่ระหว่างดำเนินการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องช่วยหายใจ รวมมูลค่า 10 ล้านบาท  และรวมมูลค่าทั้งโครงการทั้งสิ้น 30 ล้านบาท

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ร่วม บริการจัดส่งอาหารกล่อง รสชาติอร่อย สด สะอาด ปลอดภัย ส่งตรงถึงบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล รวมกว่า 30,000  ชุด  ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดทำ “ชุดกำลังใจ” ซึ่งภายในประกอบด้วยสินค้าอุปโภค – บริโภค และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน มอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 10,000 ชุด  พร้อมบริจาค “ถุงน้ำใจ ช่วยชุมชน” เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19  โดยมอบถุงน้ำใจให้กับชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร  นนทบุรี และ นครราชสีมา จำนวน 10,000 ชุด, โครงการบริจาคโลหิตเพื่อศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมบรรเทาการขาดแคลนโลหิตสำรอง ผ่านห้องรับบริจาคโลหิตที่เดอะมอลล์ ทุกสาขา และดิ เอ็มโพเรียม โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็นหน่วยงานที่บริจาคโลหิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย กว่า 15 ปี รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 450 ล้านซีซี, สนับสนุนโครงการผลิตวัคซีน เดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมเป็นหนึ่งในภาคีโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” ของมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจ เชิญชวนพนักงาน และลูกค้า ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนนักวิจัยไทย ค้นคว้า วิจัย และผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยคนไทยเพื่อคนไทย ร่วมเป็น 1 ในล้านคนไทย บริจาคเงิน 500 บาท รวม 500 ล้าน

3. มาตรการ “สนับสนุน SME และเกษตรกรไทย”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้สนับสนุนนโยบายภาครัฐ  โดยมีมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม ด้วยการเปิดพื้นที่ เดอะมอลล์ ทุกสาขา ตลอดทั้งปี เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อช่วยระบายสินค้าภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมแปรรูป ภาควิสาหกิจชุมชน OTOP ตลอดจน SME โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้นำร่องด้วยโครงการตลาดคัดไทย, ตลาดเดอะมอลล์รวมใจ, THE MALL TOGETHER MARKET, เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ฯลฯ

4. มาตรการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐและภาคเอกชน  ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารออมสิน ร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟู SOFT LOAN และเพิ่มศักยภาพ ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย กว่า 6,000 ราย  ได้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู  เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย  และรักษาการจ้างงาน เพื่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินมาตรการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ”  เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้บริหารศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์,  ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และสยามพารากอน  มีความตั้งใจมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลช่วยเหลือคู่ค้า ผู้ประกอบการ  ร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs  และผู้ประกอบการรายย่อย  รวมกว่า 6,000 ราย  พร้อมเดินหน้าเป็นตัวกลางในการประสานระหว่างทุกกลุ่ม กับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั้ง 6 แห่ง

การประชุมสัมมนาออนไลน์ (WEBINAR) ในวันนี้ จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในประเทศไทยที่
คู่ค้าทุกราย จะได้ทราบในข้อมูลมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และข้อเสนอแนะพิเศษต่างๆ จาก 6 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ  อันจะเป็นประโยชน์ต่อคู่ค้าทุกรายในการพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุด ที่เหมาะสมที่สุด

โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะเป็นตัวกลางประสานงานรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของผู้ประกอบการธุรกิจ ร้านค้า ซัพพลายเออร์ SMEs  ที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูให้กับแต่ละธนาคาร   และประสานการจัดประชุมในวาระต่อไป  ระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจกับแต่ละธนาคาร  เพื่อรับทราบมาตรการ ข้อมูลและรายละเอียด เพื่อให้ได้รับการพิจารณาวงเงินได้อย่างรวดเร็ว  จากนั้นเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของแต่ละธนาคาร ซึ่งธนาคารจะติดต่อตรงกับผู้ประกอบการธุรกิจที่ยื่นขอวงเงินแต่ละราย  โดยผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับอนุมัติวงเงินจะได้รับการแจ้งจากธนาคารโดยตรง และ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะอำนวยความสะดวกในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันระหว่างผู้กู้และธนาคาร โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป ขอให้คำมั่นว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อเป็นตัวกลางในการประสานพลัง บูรณาการความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงินชั้นนำ เพื่อให้คู่ค้าทุกรายได้ก้าวข้ามผ่านวิกฤตการณ์โควิด-19 ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนสืบไป

คุณศุภลักษณ์ กล่าวปิดท้ายว่า การผนึกกำลังกับทั้ง 6 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในการให้ผู้ประกอบการทางธุรกิจได้เข้าถึงสินเชื่อเงินกู้เพื่อฟื้นฟูในโครงการ “ประสานพลังเพื่อคู่ค้า เดินหน้าฟื้นฟูธุรกิจ” ครั้งนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย ให้สามารถกลับมาแข็งแกร่งและเติบโตต่อไปได้ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และรักษาการจ้างงาน เพื่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน