เปิดใจ “เสาร์สารพัน” ของดีมีต่อ 2567

วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2566 ตรงกับคิวของ “เสาร์สารพัน” ชวนเที่ยวงาน ชวนอ่านหนังสือ และชวนชมบันเทิงย้อนยุค ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเกือบๆ 20 ปีมาแล้วเห็นจะได้

เนื่องจากวันนี้เป็นเสาร์สุดท้ายของปีพุทธศักราช 2566 และตลอด 2-3 สัปดาห์ ทั้งคอลัมน์นี้และคอลัมน์ปกติประจำวันก็ได้เขียนถึงเรื่อง “น่าเที่ยว” ต่างๆ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มามากพอสมควรแล้ว

อย่ากระนั้นเลย เรามาหยุดเที่ยวงานหยุดอ่านหนังสือกันสัก (เสาร์หนึ่งเถอะ) เพื่อใช้คอลัมน์นี้เปิดอกเปิดใจถึงที่มาที่ไป และที่สำคัญคือการตัดสินใจว่าทำไมถึงจะเขียน “เสาร์สารพัน” ต่อไป?

เรียนไว้ข้างต้นแล้วว่า คอลัมน์ในสไตล์กุ๊กๆ กิ๊กๆ แนะนำงานสั้นๆ แบบงานละนิดละหน่อยที่ว่านี้ เกิดขึ้นสักเกือบๆ 20 ปีเห็นจะได้

ช่วงนั้นถือเป็นช่วง “พีก” ของความนิยมและ “พลัง” ของสื่อสิ่งพิมพ์…เพราะช่องทางในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร การจัดงานต่างๆ ทั้งในด้านงานที่เป็นสาระและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เช่น งานสัมมนา เสวนา หรืองานนิทรรศการต่างๆ แทบจะไม่มีพื้นที่ในการเผยแพร่เลย

หรือแม้แต่งานสนุกสนานบันเทิงของวงดนตรีเล็กๆ นักร้องเก่าๆ ที่ยังพอมีแฟนอยู่ และยังมีการจัดงานอยู่ ยิ่งแทบจะหาพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนแฟนๆ มาชมแทบไม่ได้เลย

การได้ลงเป็นข่าวสั้นๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจและพอใจของผู้จัดงานเล็กๆ มาโดยตลอด

อีกประเด็นหนึ่งที่คนเขียนคอลัมน์นี้ให้ความสำคัญที่สุด เพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่า เพราะ “สิ่งนี้” แหละ ที่ทำให้เรามีวันนี้…

เพื่อนๆ หลายคนก็มีวันนี้ ข้าราชการใหญ่โต นักการเมืองโด่งดัง พ่อค้า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเชื่อหรือไม่ “พระภิกษุ” ที่ประสบความสำคัญอย่างสูงในประเทศไทยเราทุกวันนี้…ก็เพราะการ “อ่านหนังสือ” นั่นเอง

ดังนั้น เมื่อมีสำนักพิมพ์ต่างๆ ส่งหนังสือมาให้จำนวนมาก ผมจึงใช้นโยบายหยิบหนังสือเล่มที่อ่านแล้วมีประโยชน์ ควรแก่การแนะนำต่อมาเขียนแนะนำในคอลัมน์หนึ่งหรือสองครั้งในแต่ละเดือน

ก็ปรากฏว่านานๆ จึงจะมีหนังสือที่เข้าข่ายแนะนำอย่างเต็มที่สักเล่มหนึ่ง

ทำให้หนังสือที่ดีพอสมควร มีประโยชน์พอสมควร ถูกวางกองอยู่หลังโต๊ะทำงานของผมอย่างไร้ระเบียบเป็นร้อยๆ เล่ม โดยท่านผู้อ่านไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่า มีหนังสือน่าอ่าน (พอสมควร) ออกวางแผงแล้ว

แรงบันดาลใจจากการที่อยากให้คนรุ่นใหม่อ่านหนังสือ และอยากให้หนังสือพอขายได้บ้าง นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเปิดคอลัมน์ กุ๊กๆ กิ๊กๆ ในวันเสาร์…เขียนแนะนำหนังสือร่วมกับเขียนแนะนำงาน แนะนำอีเวนต์ แนะนำสัมมนามาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีด้วยเหตุนี้

ตลอดเวลาที่เขียนมาก็บังเกิดความภูมิใจไม่น้อย ที่คอลัมน์นี้ได้มีส่วนช่วยให้งานเล็กๆ ได้เกิด และบันเทิงเก่าๆ ได้มีโอกาสกลับมาใหม่

บางคอนเสิร์ต บางสัมมนา บางนิทรรศการ ได้คนเพิ่มเพียงไม่กี่ร้อย แต่อย่าลืมว่างานเล็กๆอย่างนั้น มีคนไปฟังเป็นร้อยเขาก็ปลื้มใจแล้ว

ล่าสุด ผมเขียนถึงงานเสวนาเปิดตัวหนังสือให้กับสำนักพิมพ์จุฬาฯ เล่มหนึ่ง…ชื่อหนังสือ “เอกรังสรรค์” ซึ่งเป็นประวัติของวิศวกรญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่เคยทำงานใหญ่ๆ มาทั่วโลก รวมทั้งเคยมาสอนหนังสือในประเทศไทย และริเริ่มงานสำคัญด้านปลูกป่าไว้ด้วย (ดร.ชุนจิ มูไร)

คณะผู้จัดการงานแนะนำหนังสือเขียนไปรษณียบัตรมาบอกผมว่า มีคนมาร่วมงาน 60-70 คน “นับว่าประสบความสำเร็จ”

ผมเองก็ต้องขอบคุณที่ท่านแจ้งให้ทราบว่า คอลัมน์นี้ยังมีพลังอยู่บ้าง สามารถช่วยให้มีคนมาฟังถึง 60-70 คน ซึ่งคณะผู้จัดงานท่านก็พอใจและถือว่างานประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้แล้ว

เอาเป็นสรุปว่า ผู้เขียนคอลัมน์นี้ยังมีความสุขกับการได้เขียน “เสาร์สารพัน” และยังพอใจที่จะช่วยให้ผู้คนครั้งละไม่กี่ร้อยคนไม่กี่พันคน ได้มีโอกาสเที่ยวงานดีๆ ได้อ่านหนังสือดีๆ ได้ฟังเพลงย้อนยุค หรือศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ควรแก่การหวงแหนและรักษาไว้ต่อไป

ในทาง “การตลาด” หรือแม้แต่ “เศรษฐศาสตร์” อาจไม่คุ้มทุน เพราะดึงได้แค่ 50 คน 100 คน อย่างที่ว่า…แต่ในทาง “สังคม” การลงทุนใดๆ ที่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้น หูตากว้างขวางขึ้น มีความรู้มากขึ้น แม้แต่คนเดียวก็ถือว่า “คุ้ม” แล้วครับ

สวัสดีปีเก่า 2566 และสวัสดีปีใหม่ 2567 นะครับ พบกับ “เสาร์สารพัน” ต่อไป…เสาร์หน้า 6 มกราคม 2567 ครับ.

“ซูม”

ชวนเที่ยวงาน, ชวนอ่านหนังสือ, ชวนชมบันเทิงย้อนยุค, เปิดใจ “เสาร์สารพัน” ของดีมีต่อ 2567, ข่าว,​ ซูมซอกแซก, ท่องเที่ยว, สัมมนา, การตลาด