วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่จะถึงนี้จะมีงานเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่มากในทัศนะของพวกเราชาวหนังสือพิมพ์ที่หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่เวลา 13.00–15.00 น.
จัดโดย สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นองค์กรด้านสื่อมวลชนที่เก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.2484 ครบ 82 ปี พอดีในปีนี้
ในชื่องาน “เกียรติยศคนหนังสือพิมพ์” ที่คณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ล่าสุดที่มีคุณ นคร วีระประวัติ เป็นนายกฯ ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะจัดขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรตินักหนังสือพิมพ์ ที่มีคุณูปการ แก่ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนต่างๆ เพื่อเป็นเกียรติประวัติและเป็นแบบอย่าง สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพนี้ต่อไปในวันข้างหน้า
ที่ผมใช้คำว่างานนี้เป็น “งานเล็กๆ” แต่ “ยิ่งใหญ่มากๆ” สำหรับคนหนังสือพิมพ์ เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งก็เพราะผู้ที่สมาคมฯ เลือก มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็น บุคคลต้นแบบ และเป็น 2 ท่านแรกที่จะได้รับรางวัลเกียรติยศรางวัลนี้เป็นบุคคลที่เหมาะสมมากที่สุดทั้ง 2 ท่าน
พี่ มานิจ สุขสมจิตร บรรณาธิการอาวุโสของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ปัจจุบันอายุ 84 ปีนั้น อยู่ในวงการหนังสือพิมพ์มากว่า 60 ปี ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษานิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนจบการศึกษาแล้วก็ยังคงทำงานอยู่กับวงการข่าวและวงการหนังสือพิมพ์มาจนถึงปัจจุบัน
ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ครูนักข่าว” และเป็นแม่แบบ หรือเป็นตัวอย่างให้คนวงการสื่อสารมวลชนรุ่นหลังก้าวเดินตามในด้านการทำงานที่ยืนหยัดมั่นคงและมีจุดยืนด้านจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพมาโดยตลอดนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่วงการจนถึงวันนี้
ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลในวงการให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ประธานสมาพันธ์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ถึง 2 ยุค 2 สมัย เต็มตามโควตาที่กำหนดไว้
อีกทั้งได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสื่อสารมวลชน, สาขาวิชาวารสารศาสตร์ และสาขานิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย เช่น ธรรมศาสตร์, รามคำแหง และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เป็นต้น
ในฐานะผู้ที่มีโอกาสทำงานกับ พี่มานิจ สุขสมจิตร มา 50 ปีเต็มๆ ทั้งในกองบรรณาธิการไทยรัฐและมูลนิธิไทยรัฐ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับรางวัล “เกียรติยศคนหนังสือพิมพ์” ที่พี่ได้รับครั้งนี้
สำหรับบุคคลที่ 2 คุณ ขรรค์ชัย บุนปาน ผู้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์มติชน และประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ก็เช่นเดียวกัน
ผมเป็นแฟนอ่านข้อเขียนทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองของขรรค์ชัยมาตั้งแต่ผมยังไม่เข้าสู่วงการและขรรค์ชัยยังเป็นนักเขียนนักข่าวคลื่นลูกใหม่ของ สยามรัฐ ในยุคที่ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ลงไปนำทัพด้วยตัวท่านเองกว่า 60 ปีมาแล้ว
เคยมาทำงานใน ไทยรัฐ ร่วมกันระยะหนึ่งประมาณ พ.ศ.2515 นั่งโต๊ะทำงานเดียวกัน เพราะผมเข้าโรงพิมพ์ตอนเย็นออกตอนดึกขรรค์ชัยเข้าช่วงเช้าออกเย็นๆ เป็นคนชวนผมให้ไปนั่งโต๊ะเขาอยู่ปีเศษๆ
จนหลัง 14 ตุลาคม 2516 เพื่อนจึงลาออกไปก่อตั้งหนังสือพิมพ์ “มติชน” และลงมือเจียระไนเพชรเม็ดนี้จนเป็นเพชรเม็ดงามอีกเม็ดหนึ่งของวงการหนังสือพิมพ์ไทยและอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงปัจจุบัน
แม้โดยอายุผมจะมากกว่าขรรค์ชัย 3 ปี แต่โดยพรรษาการทำงานหนังสือพิมพ์ผมอ่อนกว่าขรรค์ชัยเกือบ 10 พรรษาเห็นจะได้ และถือว่า ขรรค์ชัยเป็น “ครู” ด้านการเขียนการนำเสนอและการเพาะบ่มแนวคิดที่ดีงามต่อชาติบ้านเมืองคนหนึ่งของผมมาโดยตลอด
ผมจึงเห็นด้วยอย่างเต็มร้อยเช่นกันว่า ขรรค์ชัย บุนปาน เพื่อนรุ่นน้องของผมคนนี้เหมาะสมกับรางวัล “เกียรติยศ” รางวัลนี้อย่างยิ่ง
ขอเชิญน้องๆ พี่ๆ และเพื่อนๆ คนหนังสือพิมพ์ไปร่วมแสดงความยินดีแด่ทั้ง 2 ท่าน อย่างพร้อมเพรียงกันในวันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค. นี้ ณ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาฯ เวลา 13.00 น. ดังที่แจ้งไว้
โดยจะมี “ผู้ใหญ่” ท่านหนึ่งของวงการเมืองที่ไม่ว่าคนรุ่นหลังๆ จะมองอย่างไร? แต่สำหรับคนรุ่นเรายังเชื่อถือและยกย่องไว้ในฐานะนักการเมือง“มือสะอาดเกินร้อย” พี่ “ชวน หลีกภัย” เป็นผู้มอบรางวัล
ป.ล. เห็นว่าจะมีเหรียญหลวงพ่อคูณรุ่น “กูชอบอ่านหนังสือพิมพ์” ปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณเองที่ คุณดำฤทธิ์ วิริยะกุล อุปนายกบริหารและเลขาธิการสมาคมจะนำไปแจกเป็นสิริมงคลด้วยนะครับจะบอกให้.
“ซูม”