“หอมมะลิไทย” มิได้แพ้ ที่แท้ “ไม่ได้ส่ง” ประกวด

ผมมีข่าวเก่าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่อยากจะเขียนถึงอยู่ข่าวหนึ่งครับ ได้แก่ ข่าวที่สื่อออนไลน์หลายสำนักพาดหัวว่า “ไทยเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก” ปี 2023 ให้แก่ข้าวจากเวียดนาม

โดยมีรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา The Rice Trader (TRT) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวการประกาศผลประกวดสายพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก (The World’s Best Rice 2023) ในการประชุมข้าวโลกที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่าง 28-30 พ.ย.2566

ปรากฏว่าข้าว “Ong Cua ST25” ของเวียดนามได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดของโลกไปครองในที่สุด โดยได้คะแนนเหนือกว่าข้าวจากประเทศอื่นๆที่ส่งเข้าประกวดกว่า 30 สายพันธุ์

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ข้าว 3 สายพันธุ์ที่ผ่านเข้ารอบ 3 อันดับแรก ได้แก่ ข้าวจากเวียดนาม กัมพูชา และอินเดีย โดยไม่มีรายชื่อข้าวไทยอยู่ด้วยเลย

นำความเคลือบแคลงสงสัยมาสู่ FC ของข้าวไทยไปตามๆ กันว่าเกิด อะไรขึ้น เพราะเราได้แชมป์มาหลายๆ ปีและไม่เคยหลุดจากอันดับ 3 เลย

บางท่านที่ใจร้อน พออ่านข่าวเจอเข้าก็โพสต์ตำหนิติติงไปถึงกรมการข้าว และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยเราว่า ย่อหย่อนไปได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงถอยหลังเข้าคลองเช่นนี้?

ต่อมาจึงมีการแถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คุณ ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ว่า ปีนี้ประเทศไทยของเราไม่ได้ส่งข้าวหอมมะลิไทยไปประกวด

เนื่องจากสมาคมมองว่าการประกวดครั้งนี้ไม่มีความเป็นกลาง อีกทั้งกลุ่มผู้จัดประกวดได้กำหนดเกณฑ์ตัดสินที่แปลก โดยเฉพาะในส่วนของผู้วิเคราะห์พันธุ์ข้าว ที่ให้ เชฟ ทำอาหารมาเป็นคนตัดสินพันธุ์ข้าว แทนที่จะเป็นนักวิเคราะห์ หรือนักวิจัยสายพันธุ์ข้าวมาเป็นกรรมการตัดสิน

จึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยตัดสินใจไม่ส่งข้าวไทยเข้าร่วมการประกวด ในครั้งนี้ และ ในครั้งต่อไป

อ่านดูแล้วก็พอเข้าใจได้ในระดับหนึ่งและใจชื้นขึ้นมาเยอะที่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่า ข้าวไทยของเราไม่ติดอันดับเลยเพราะเราไม่ได้ส่งเข้าประกวดนั่นเอง

ท่านผู้อ่านคงจะพอจำได้ว่าผมให้ความสนใจการประกวดข้าวรายการนี้มาก และจะเขียนถึงบ่อยๆ เมื่อหลายปีก่อน

แต่ช่วงหลังๆ อาจเป็นเพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดงานต่างๆ ต้องยกเลิกไปหลายรายการ ผมก็นึกว่าเขาเลิกประกวดข้าวกันแล้ว จึงไม่ได้ติดตามการประกวดอย่างใกล้ชิด

มาอ่านข่าวในการประกวดปีนี้ที่ฟิลิปปินส์ว่า เราแพ้เวียดนาม ก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมเราแย่ลงถึงขั้นไม่ติดอันดับใดๆ เลย

มาเข้าใจก็จากการแถลงของท่านนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยนี่แหละ

ที่ผมเขียนถึงข่าวนี้ในวันนี้ก็เพราะติดใจในเนื้อข่าวที่คุณชูเกียรติให้สัมภาษณ์ว่า “ปีนี้ไม่ส่ง” และ “ปีต่อไป” ปีต่อไปก็จะไม่ส่งนั่นแหละครับ

ผมไม่ทราบว่าปัญหาตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างไร มีการเอารัดเอาเปรียบ หรือไม่ค่อยน่าไว้ใจจริงหรือไม่? แต่จากการที่ติดตามข่าวประกวดมาร่วมๆ 10 ปี ผมว่าองค์กรที่จัดประกวดข้าวที่ว่านี้ ก็ดูมีชื่อมีเสียงเป็นที่ยอมรับ ของวงการข้าวโลกอยู่พอสมควร

หากมีอะไรตุกติกมั่งก็ควรจะหาทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

อย่าลืมว่า 14 ปีที่จัดการแข่งขันมา ข้าวหอมมะลิไทยเราคว้าแชมป์มาถึง 7 หน ครึ่งหนึ่งเข้าไปแล้ว แบ่งให้กัมพูชาไป 5 หน (แชมป์ร่วม 2 หน) เวียดนาม 2 หน พม่า 1 หน สหรัฐฯ 1 หน จะเป็นไรไป เพราะ (ยกเว้นสหรัฐฯ) ที่เหลือก็เป็นเพื่อนบ้าน CLMV ของเราทั้งนั้น

แบ่งกันทำมาหากิน แบ่งกันมีชื่อเสียง เราแพ้บ้างชนะบ้าง แต่ก็ยัง ชนะมากกว่า และผมก็เชื่อว่าประกวดไปเรื่อยๆ เราก็จะชนะมากกว่าเหมือนเดิม

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ผมเป็นคนนอกวงการ ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากนัก การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับผู้รับผิดชอบ ซึ่งน่าจะมีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนในประเทศไทยเรา

ผมยังเชื่อมั่นในข้าวหอมมะลิไทยครับ และอยากให้ส่งไปประกวดอีก…ฝากไว้ด้วยนะครับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย.

“ซูม”

“หอมมะลิไทย” มิได้แพ้ ที่แท้ “ไม่ได้ส่ง” ประกวด, ข้าวหอมมะลิ, แชมป์, สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย, สายพันธุ์ข้าว, การประชุมข้าวโลก, ซูมซอกแซก, ข่าว