เหตุการณ์สะเทือนขวัญกรณีเด็กอายุ 14 ปี ใช้ปืนกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญถึงในสังคมไทยและยังเป็นข่าวในสื่อมวลชนต่างๆ มาจนถึงวันนี้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองมีข่าวว่าผู้บริหารของสยามพารากอนได้ออกมาแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมทั้งได้มอบเงินเยียวยาช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 1 ราย และพนักงานชาวเมียนมาอีก 1 ราย รายละ 5 ล้านบาท
ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 5 รายนั้นก็จะมอบเงินเยียวยาให้อีกรายละ 300,000 บาท โดยจะนำไปสมทบกับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐบาลแก่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บต่อไป
ในเนื้อหาของข่าวสารระบุไว้ตอนหนึ่งว่าสยามพารากอนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมอบเงินสนับสนุนดังกล่าวนี้จะมีส่วนช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงน้ำใจอันดีงามของคนไทยที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ประสบภัยอีกด้วย
ผู้บริหารสูงสุดของสยามพารากอนที่ออกมามอบเงินเยียวยาดังกล่าวก็คือ คุณ ชฎาทิพ จูตระกูล หญิงแกร่งคนหนึ่งของประเทศไทยที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันและกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยยุคใหม่ให้เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายๆ เท่านั่นเอง
การลงทุนสร้าง สยามพารากอน มีผลให้ชื่อเสียงจากประเทศไทยกระฉ่อนไปทั่วโลก กลายเป็นจุด “หมุดหมาย” ที่นักท่องเที่ยวมีความฝันและความหวังว่าจะเดินทางมา “ปักหมุด” ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อย่างที่ทราบๆ กันแล้วว่าได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสยามพารากอนและประเทศไทย เมื่อมีรายงานข่าวว่านักท่องเที่ยวจากบางประเทศเกิดความหวั่นไหวและเปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางไปจากประเทศไทยจำนวนไม่น้อย
อาจจะเป็นความวิตกกังวลชั่วคราวแต่ก็เชื่อกันว่าคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่ความ “วิตกชั่วคราว” นี้จะค่อยๆคลี่คลายลงไป
เหตุเพราะปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศค่อนข้างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศจีนที่สูญเสียนักท่องเที่ยวไปด้วยนั้นได้มีการโจมตีเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ
ผมก็ได้แต่หวังว่าจากการร่วมมือของทุกฝ่ายในการที่จะช่วยกันฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่เกิดจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีผลทำให้ความวิตกกังวลทั้งหมดของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่อง “ชั่วคราว” สมกับที่ทุกๆ ฝ่ายคาดหวังไว้
นอกจากจะออกมาเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บดังกล่าวแล้ว ก็มีข่าวว่าคุณ ชฎาทิพ จูตระกูล ได้จัดงานเลี้ยงปลอบขวัญและขอบคุณแก่พนักงานของสยามพารากอน โดยเฉพาะพนักงาน รปภ.ที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในวันเกิดเหตุ
ตั้งชื่องานนี้ตามสไตล์ของห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสมัยใหม่ที่จะต้องใช้ถ้อยคำภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยเสมอว่า “We Care We Dare : You Dedication is deeply appreciated”
“ขอบคุณและเติมพลังใจให้แก่พนักงานสยามพารากอน”
คุณชฎาทิพขึ้นกล่าวขอบคุณพนักงานทั้งหมดด้วยตัวเองเมื่อค่ำวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาเป็นเวลายาวนานพอสมควร มีผู้ส่งทั้งเทปบันทึกเสียงและการถอดความจากเทปบางส่วนบางช่วงบางตอนมาที่ผมหลังงานเลี้ยงจบลง
เข้าทางผมพอดีเลยเพราะกำลังจะหลบไปเที่ยวกับครอบครัวหลายวันต้องเขียนต้นฉบับแห้งๆล่วงหน้าอย่างที่เคยแจ้งท่านผู้อ่านไว้แล้ว
ขออนุญาตนำลงในฉบับพรุ่งนี้นะครับ เพราะไม่เพียงแต่คุณชฎาทิพจะกล่าวกับพนักงานของเธอเท่านั้น ผมมีความรู้สึกว่าเธอกำลังบอกความในใจของเธอบางอย่างต่อคนไทยและประเทศไทยด้วย
โดยเฉพาะการพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่มีผลกระทบต่อสยามพารากอนอย่างใหญ่หลวง และควรได้รับการเยียวยาด้วยเหมือนกันนั้น เธอกลับมองว่าเป็น “บททดสอบ” บทหนึ่งสำหรับศูนย์การค้าที่จะมีอายุครบ 18 ปี ในอีกไม่นานข้างหน้า (9 ธันวาคม 2566)
อ่านแล้วก็ได้ความรู้เกี่ยวกับที่มาที่ไปและความสำเร็จของสยามพารากอนในอดีตที่ผ่านมาควบคู่ไปด้วย
พรุ่งนี้อย่าลืมติดตามอ่านด้วยนะครับ.
“ซูม”